วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เด็กขายพวงมาลัย

ที่บริเวณสี่แยก ทันทีที่ไฟสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดง เด็กๆ หน้าตามอมแมมก็วิ่งกรูกันเข้ามาเคาะกระจกรถและยื่นท่อยาวที่แขวนพวงมาลัยอยู่เต็มมาใกล้ๆ บางคนสิ่งยิ้มหวานอวดฟันขาวตัดกับสีผิว หากบางคนทำตาวาวๆ คล้ายจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ ถ้าผู้ใหญ่คนไหนใจดีก็จะอุดหนุนเด็กๆ เหล่านั้น พวกเขาไม่ทันคิดหรอกว่าเงินเพียงสิบยี่สิบบาทที่พวกเขาเห็นว่าน้อยนิดนั้นจะมีค่ามากมายแค่ไหนเมื่อไปอยู่ในมือของเด็กๆ ที่ซึ่งฉีกยิ้มกว้างพลางยกมือขึ้นไหว้ท่วมศีรษะด้วยความขอบคุณ
ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ ยังคงหลับใหลและเดินทางไปในห้วงแห่งความฝัน ยังมีเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องตื่นขึ้นทั้งที่ยังนอนได้ไม่เต็มอิ่ม แม้ผืนฟ้าจะยังคงมืดมิด หากแสงจากหลอดไฟดวงน้อยก็สว่างมากพอที่จะช่วยให้เด็กๆ เหล่านั้นไม่ร้อยเข็มตำนิ้วมือตัวเอง มาลัยดอกไม้หอมฟุ้งพวงแล้วพวงเล่าที่ถูกกรองขึ้นพร้อมๆ กับอาการง่วงหงาวหาวนอน จนเมื่อได้ปริมาณมากพอเด็กๆ เหล่านั้นก็จะนำพวงมาลัยมาแขวนไว้ที่ท่อหรือไม้ยาวเพื่อที่จะนำไปขายที่ท้องถนนยามเช้า พวกเขาจะมีความสุขมากที่สุดถ้าหากว่าพวงมาลัยนับยี่สิบพวงที่พวกเขาถือออกมาขายตั้งแต่เช้าตรู่ขายได้หมดอย่างรวดเร็ว เพราะนั่นหมายถึงว่าพวกเขาจะได้รีบไปโรงเรียนพูดคุยและเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ไม่ต้องยืนแบกราวพวงมาลัยที่หนักแสนหนัก ตากแดดที่นับวันก็ยิ่งร้อนแรงขึ้นทุกทีๆ รอคอยว่าเมื่อไหร่จะมีคนใจดีเหมาพวงมาลัยในมือเล็กๆ นี้ไป
ตกเย็น ทั้งที่อยากจะอยู่เล่นกับเพื่อนๆ ใจจะขาดหากเด็กๆ เหล่านี้ก็จำต้องตัดใจ รีบวิ่งกลับบ้านเพื่อมาเอาพวงมาลัยไปขายต่อ ถ้าวันไหนเหนื่อยน้อยก็จะมีแรงทำการบ้านที่คุณครูสั่งต่อจนเสร็จ แต่หากวันไหนเหนื่อยมากก็ต้องยอมถูกคุณครูทำโทษในวันต่อมา
ผู้คนที่สุขสบายอยู่บนกองเงินกองทองกับเครื่องปรับอากาศที่ให้ลมเย็นฉ่ำและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาจมองเด็กๆ ที่สวมเสื้อผ้าสกปรกและเร่ขายพวงมาลัยตามสี่แยกไฟแดงว่าเป็นปัญหาสังคมที่รัฐบาลควรจัดการ ที่เป็นเช่นนั้นก็เป็นเพราะคนเหล่านั้นมองเด็กๆ ที่ขายพวงมาลัยเพียงแค่ด้านเดียว มองและคิดทั้งๆ ที่ตัวเองสร้างกำแพงแน่นหนาที่เรียกว่า’อคติ’ขึ้นมา แต่ถ้าเพียงว่าพวกเขาจะทำลายกำแพงนั้นลงและไตร่ตรองเสียใหม่ ก็จะพบว่าเด็กๆ เหล่านั้นแค่กำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะช่วยให้ครอบครัวของตนมีกินมีใช้ กำลังแสดงความกตัญญูในอีกรูปแบบที่คนทั่วไปไม่ได้ทำเท่านั้นเอง และที่สำคัญเด็กๆ เหล่านี้ไม่ได้ทำอะไรผิด การขายพวงมาลัยเป็นอาชีพที่สุจริตทั้งยังไม่ทำลายสภาพแวดล้อม แม้พวกเขาเลือกที่จะเกิดมาร่ำรวยทุกสิ่งทุกอย่างครบบริบูรณ์เหมือนอย่างเด็กคนอื่นๆ ไม่ได้ แต่พวกเขาก็ดิ้นรนเพื่อที่จะได้มาซึ่งชีวิตที่ดีขึ้นโดยที่ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้กับใคร
หลายคนอาจเห็นใจและนึกสงสารเด็กๆ เหล่านี้ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เด็กๆ เหล่านี้อาจไม่ต้องการให้ใครมาเห็นอกเห็นใจ พวกเขาแค่ต้องการความเข้าใจเพียงเท่านั้น การที่เป็นเด็กขายพวงมาลัยอาจจะทำให้พลาดโอกาสที่จะได้เล่นสนุกเหมือนอย่างเด็กทั่วๆ ไป หรือไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายตามประสาผู้คนที่มีฐานะและเพรียบพร้อม แต่พวกเขาก็ได้หัวเราะกับเพื่อนๆ ที่ขายพวงมาลัยด้วยกัน ได้วิ่งเล่นไปตามทางเท้าและตามพื้นถนนยามที่รถติดไฟแดง ได้ชุ่มฉ่ำกับสายฝนยามที่เมฆหมอกกลั่นตัวลงมา ได้รู้จักค่าของเงินแต่ละบาท ข้าวแต่ละมื้อ และเวลาแต่ละวินาที
หลายคนอาจคิดว่าสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนอุปสรรคบนเส้นทางชีวิตที่พวกเขาต้องฝ่าฟัน แต่พวกเขาอาจมองในแง่กลับกันคือยกประสบการณ์เหล่านั้นให้เป็นกำไรชีวิต ที่ซึ่งจะเป็นเครื่องช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจและยอมรับในความเป็นไปของสิ่งต่างๆ และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข
มันเป็นประจำตรงสี่แยกนี้ ที่รถมันติดเหลือเกิน แต่ใครๆ ก็คงต้องผ่าน
บังเอิญวันนั้นได้เหลือบไปเห็น แววตาของเด็กน้อยนั่งมองเหมื่อ อยู่ริมข้างฟุตบาท
เลยสะกิดใจ ค่อนข้างห่วงเขาเป็นอะไร จึงได้ทักไป
ให้ช่วยไหม ได้ฟังเขาตอบ น่าแปลกใจ
ก็อยากให้ไฟแดงนานกว่านี้หน่อย
เผื่อว่าจะได้ขายมาลัยให้หมด
ถ้าหากว่าวันนี้มีไฟเขียวบ่อย ก็คงขาดทุน
ไม่มีใครอยากซื้อมะลิบานๆ
และทุกวันนี้ต้องผ่านทางนั้น ที่รถมันติดเหลือเกิน แต่ตัวฉันไม่เคยจะเบื่อ
เพราะฉันนึกถึงคำตอบเด็กน้อย ที่คอยเตือนใจฉันให้รู้สึก ให้นึกถึงคนอื่น
ลองเอาใจเขา เข้ามาใส่หัวใจสักที โลกในแง่ดี
มีความหมาย ให้ฉันได้เปลี่ยน เปลี่ยนความคิด
เพลง : ก่อนมะลิบาน โดย : ไทม์ (Time)
เด็กขายพวงมาลัยที่ซึ่งถูกมองว่าเป็นเด็กที่ไร้ซึ่งโอกาส เป็นเด็กที่ไร้การศึกษา เป็นเด็กที่น่ารำคาญในสายตาของคนใจดำหลายๆ คน แท้จริงแล้วพวกเขาก็เป็นเพียงแค่เด็ก เด็กตัวเล็กๆ เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ทั่วไป เพียงเพราะพวกเขาเกิดมาไม่มีในสิ่งที่คนอื่นๆ มี ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ต้องการในสิ่งที่เด็กคนอื่นๆ ต้องการ ทั้งความรัก การดูแลเอาใจใส่ การอบรมสั่งสอน และการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้พวกเขาที่ซึ่งจะเติบโตไปเป็นกำลังของชาติในอนาคตเป็นคนดีและมีคุณภาพ ฉะนั้นเราจึงควรเปิดใจให้กว้าง รับรู้และตระหนักให้ได้ว่าเด็กกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนั้นได้มอบอุทาหรณ์อะไรให้แก่เรา และในเมื่อเด็กๆ เหล่านั้นมอบอุทาหรณ์ให้เราแล้ว เราจะไม่มอบอะไรกลับไปบ้างเชียวหรือ หากว่าเราคิดว่าพวกเขาด้อยโอกาส พวกเขาก็สามารถมีโอกาสได้ ถ้าเพียงเราเริ่มที่จะหยิบยื่นให้.
พวกเรามีความคิดเห็นเป็นอย่างไรบ้างครับ?

2 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

คนที่ไมไ่ด้ซื้อพวงมาลัยจากเด็กเหล่านั้น ไม่ใช่ใจดำหรอกครับ


ตรงข้าม นั่นคือวิธีหนึ่งในการช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น

ปัญหาัมันไม่ใช่ตัวเด็ก มันอยู่ที่ผู้ใหญ่ ทีผลักดันให้พวกเขาต้องมาผจญชะตากรรมแบบนี้ตะหาก

หากเราปล่อยปละ ช่วยอุดหนุนต่อไป ก็จะมีเด็กขายพวงมาลัย รุ่นใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาอีกเรื่อยๆ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ผู้หญิงที่ชื่อวาวน่าด้านชอบแฟนชาวบ้าน