วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

Lucky Week

ขอแจ้งให้ทราบว่า ใครอยากได้ข้อมูลในวิชาใดที่เรียนให้แจ้งความประสงค์ใน blog นี้ครับ
แล้วผมจะส่งไปให้ อ้อ อย่าลืมแจ้งอีเมล์ด้วยครับ
ขอให้โชคดีในการสอบ Final ทุุกท่านน่ะครับ.......
ภูมิณรงค์ ภูดิศชินภัทร

โลกในอุดมคติ

หิ่งห้อยด้อยแสง
หากจักรวาลของเราเปรียบเสมือนผืนดินผืนหนึ่ง จักรวาลก็คงจะเป็นผืนดินที่กินอาณาเขตกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา กว้างเกินจะวัด ไกลเกินจะไปสุดขอบ และความยิ่งใหญ่ของจักรวาลนี้เองที่เป็นสิ่งเตือนใจมนุษย์อย่างเราๆ ทุกคนว่า มนุษย์ที่คิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุด มนุษย์ที่หลงระเริงไปกับกิเลสและตัณหา มนุษย์ที่หลงละเมอคิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้า แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงหิ่งห้อยตัวเล็กๆ ในดินแดนกว้างใหญ่ที่ยังคงมืดมิด และเพราะความที่มนุษย์ต่างพากันยกตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งนี้เองที่เป็นสาเหตุที่แท้ของเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์ใบเล็กๆ ที่มนุษย์เรียกว่า ‘โลก’
มนุษย์เรียกตัวเองว่า’มนุษย์’ ยกตัวเองเป็นสัตว์ประเสริฐ และประพฤติตนราวกับเป็นเจ้านายใหญ่แห่งจักรวาล กำหนดระดับชั้นและคุณค่าของชีวิตอื่นๆ และสิ่งต่างๆ ตั้งกฎเกณฑ์ บัญญัติกฏหมาย เขียนบทลงโทษ และคอยตัดสิน ทั้งที่ที่จริง สิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่ามนุษย์นั้นก็ยังไม่รู้เลยว่า อะไรกันแน่ที่เรียกว่าถูกต้อง อะไรกันแน่ที่เรียกว่าดีงาม ทุกๆ คนชอบพูดว่าชอบอย่างนั้น ไม่ชอบอย่างนี้ แบบนั้นดี แบบนี้เลว และด้วยความเบาปัญญาเช่นนี้นี่เองที่เป็นเหตุให้ความทุกข์ให้บังเกิดขึ้น
โลกเราที่ไร้ซึ่งความสงบสุขทุกวันนี้ก็เพราะเราเองโดยแท้ เพราะเราที่เป็นมนุษย์ไม่รู้จักตนเอง ไม่รู้จักประเมินตนเองก่อนที่จะหันไปประเมินคนอื่นเขา มัวแต่มัวเมากับความเป็นตัวเรา ตั้งให้เราเป็นที่หนึ่ง ดีตลอด ถูกเสมอ เลิศเลอจนใครแตะต้องไม่ได้ เมื่อถึงเวลาที่ถูกทำให้ระคายอุราขึ้นมาจึงกลายร่างจากมนุษย์เป็นเดียรัจฉาน ที่ว่าเป็นเดียรัจฉานก็เพราะมนุษย์เองที่ตัดสินว่าตนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติ มีปัญญา มีความสามารถอันพิเศษเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นใด จึงสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างนี้รวมเอาตัวเองเข้าไปด้วย แต่เมื่อมนุษย์บางคนโกรธาขึ้นมาคราใด ความสามารถในการควบคุมตัวเองก็จะสิ้นไป จึงไม่ต่างอะไรกับเดียรัจฉานกระนั้น นึกอยากจะบ้าก็บ้าคลั่งจนสะท้านไปทั้งโลกา!
จากมีปากมีเสียง สู่โต้เถียง ถึงทะเลาะเบาะแว้ง ขั้นทำร้ายร่างกาย ร้ายถึงรบราฆ่าฟัน และจบลงที่สงครามนิวเคลียร์ ล้วนแล้วแต่เกิดมาจากสาเหตุเดียวกัน...ไม่พอใจ!
ไม่ว่าใครก็ต้องเคยรู้สึกหงุดหงิดเพราะถูกขัดใจ และหากจะนับเรื่องไม่ถูกใจนี้ก็คงจะนับกันไม่หวาดไม่ไหว เพราะทุกช่วงทุกตอนของชีวิต คงไม่มีใครที่จะได้ดั่งใจปรารถนาไปเสียทุกอย่าง ตั้งแต่เด็ก คุณพ่อคุณแม่ไม่ซื้อขนมของเล่นให้เราก็ลงไปดิ้นพราดๆ ร้องไห้ว่าจะเอาๆ พอโตขึ้นมามีเพื่อน เพื่อนพูดไม่เข้าหูก็โกรธเป็นฟืนไฟ อยากจะกระโดดเข้าไปชกปากให้หายแค้น ล่วงสู่วัยทำงาน เจ้านายก็ขี้บ่นเอาแต่สั่งโน่นสั่งนี่ อันนั้นดีกว่าอันนี้ใช้ไม่ได้ ก็พาลไม่สบอารมณ์นึกอยากลาออกตรงนั้นเดี๋ยวนั้น จนมาถึงวัยชราก็ยังมิวายน้อยใจลูกหลาน คิดเล็กคิดน้อยด้วยฟุ้งซ่าน หาว่าลูกไม่รักหลานไม่ใส่ใจ อยากจะตายๆ ไปเสียเต็มแก่ ไม่พอใจยมฑูตยมบาลที่ไม่ยอมมาเอาชีวิต แต่พอเอาเข้าจริงก็ร้องร่ำว่ายังไม่อยากตาย...
พระท่านเคยสอนเอาไว้ ก่อนจะเริ่มโกรธใครสักคนหรืออะไรสักอย่าง จงตั้งสติ และคิดไตร่ตรอง อย่ามัวแต่โทษเขาว่าเขาไม่ดี โทษเราสิว่าเรามีไม่ดีตรงไหนให้เขาว่าได้ มันคงต้องมีสักที่ไม่ถูกใจเขา ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่ว่าเอา คำบางคำพระท่านให้ปล่อยผ่านเลย ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา บางทีคนพูดเขาไม่ได้ตั้งใจทำให้เราเคืองเราโกรธ จุดประสงค์จะให้เราขำ แต่เราดันจำฝังใจเก็บไปเคียดแค้น คนเราทุกคนล้วนอยากจะให้ทุกสิ่งถูกใจตัวเอง จึงลืมนึกไปว่าบางสิ่งที่ถูกใจเราบางครั้งก็ไปขัดใจคนอื่นเขา เรามัวนึกต่างๆ นานาว่าทำไมโน่นไม่เป็นอย่างโน้นนะ นี่ไม่เป็นอย่างนี้นะ ทำไมคนนั้นถึงได้ทำแบบโน้น คนนี้ถึงได้ทำแบบนี้ พาลโกรธพาลเคืองเขาไปทั่ว ไม่พอใจอะไรก็ฮึดฮัดเคืองขุ่น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเราลืมนึกไปว่า เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนเรา เราอยากพอใจกับทุกสิ่ง เขาก็ต้องอยากเหมือนกัน หัดเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากใส่ลำบากใส่ไม่เข้าก็ต้องทนยัดๆ เข้าไป ทั้งหมดทั้งปวงก็เพื่อตัวเราเองทั้งสิ้น ในเมื่อรู้เหตุแห่งทุกข์ และทางดับทุกข์ก็ปูรออยู่ตรงหน้า คงไม่ลำบากเกินไปนักที่เราจะก้าวเท้าเข้าไป
โลกเราจะสงบลงมาก หากว่ามนุษย์ยอมรับฟังกันและเลิกเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลกเสียที ลองตรองดูเถิด สมมติว่าโลกมีจุดศูนย์กลางหลายจุด แกนโลกหลายแกน ล้วนแล้วแต่หมุนไปกันคนละทิศทาง นึกอยากจะหมุนทางซ้าย คิดอยากจะหมุนทางขวา หรืออยากจะหมุนกลับหน้า พออีกทีก็หมุนกลับหลัง แล้วยังมีพวกพิเรนทร์ที่คิดหมุนเฉียงเองทำองศากันอีก โลกคงจะสับสนวุ่นวายน่าดู และคงจะแตกสลายลงในเร็ววันเป็นแน่แท้ ฉะนั้นหากเราอยากให้โลกเหนื่อย ไม่อยากให้โลกล้า ไม่อยากให้โลกมรณา ก็จงทำตนเป็นหิ่งห้อยที่น่ารักต่อโลก เปล่งแสงเพียงแต่น้อย ไม่ต้องกลัวว่าโลกจะมืดหม่นมัวหมอง เพราะแต่ละแสงน้อยๆ เมื่อมาผนวกเข้าด้วยกันแล้วก็ไม่ต่างอะไรไปกับแสงจากพระอาทิตย์ที่จะสามารถช่วยให้โลกสว่างไสวสุกสวยได้ เพื่อทิ่หิ่งห้อยอย่างเราๆ จะได้มีโลกให้อาศัยและเปล่งแสงได้ตราบนานเท่านาน
ชีวิตนี้คนพุทธรู้ดีว่ามาจุติเพื่อใช้หนี้กรรม ชาติปางก่อนทำอะไรเอาไว้ ชาตินี้ก็ต้องกลับมารับผล บางคนไม่รู้หรือรู้ก็แกล้งไม่สน หลอกตัวเองว่าบาปไม่มีจริง บุญจะทำไปเพื่ออะไร เขาคงไม่รู้ ที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะกรรมเก่า กรรมคือการกระทำทั้งบาปบุญรวมอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่มีกรรมเขาคงนิพพาน ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดเพื่อที่จะมานั่งปิดหูปิดตาแถมยังปิดใจอยู่แบบนี้ ชีวิตทุกชีวิตที่ยังคงวนเวียนเป็นวัฏจักรที่ไม่จบสิ้น เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอยู่เช่นนี้ก็เพราะ ตัดไม่ได้ซึ่งกิเลส ละไม่ได้ซึ่งทางโลก และบรรลุไม่ได้ถึงสัจจธรรม หากว่าทุกชีวิตเข้าใจคำกล่าวที่ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างถ่องแท้แล้วล่ะก็ โลกใบนี้ก็คงจะไม่เหลือซึ่งสิ่งอื่นใดนอกจากดวงจิตที่เข้าถึงนิพพาน ทว่ามันยากเหลือเกินที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นหากเราไม่เริ่มต้นจากวินาทีนี้ ชีวิตคืออะไร เกิดขึ้นเพื่ออะไร ดำรงอยู่ด้วยเหตุผลใด แล้วเมื่อหลับสนิทลงอีกครั้งล่ะ ยังมีหนทางให้ต้องก้าวเดินต่อไปอีกหรือไม่ แล้วถ้ามี...สุดท้ายแล้วจุดสิ้นสุดคือที่ไหน จุดหมายปลายทางที่แท้อยู่ที่แห่งหนใด...ธรรมะเท่านั้นที่ต้องคำถามเหล่านี้ได้
ท่านมีความคิดเห็นเป็นอย่างไร?

เด็กขายพวงมาลัย

ที่บริเวณสี่แยก ทันทีที่ไฟสัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดง เด็กๆ หน้าตามอมแมมก็วิ่งกรูกันเข้ามาเคาะกระจกรถและยื่นท่อยาวที่แขวนพวงมาลัยอยู่เต็มมาใกล้ๆ บางคนสิ่งยิ้มหวานอวดฟันขาวตัดกับสีผิว หากบางคนทำตาวาวๆ คล้ายจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ ถ้าผู้ใหญ่คนไหนใจดีก็จะอุดหนุนเด็กๆ เหล่านั้น พวกเขาไม่ทันคิดหรอกว่าเงินเพียงสิบยี่สิบบาทที่พวกเขาเห็นว่าน้อยนิดนั้นจะมีค่ามากมายแค่ไหนเมื่อไปอยู่ในมือของเด็กๆ ที่ซึ่งฉีกยิ้มกว้างพลางยกมือขึ้นไหว้ท่วมศีรษะด้วยความขอบคุณ
ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ ยังคงหลับใหลและเดินทางไปในห้วงแห่งความฝัน ยังมีเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องตื่นขึ้นทั้งที่ยังนอนได้ไม่เต็มอิ่ม แม้ผืนฟ้าจะยังคงมืดมิด หากแสงจากหลอดไฟดวงน้อยก็สว่างมากพอที่จะช่วยให้เด็กๆ เหล่านั้นไม่ร้อยเข็มตำนิ้วมือตัวเอง มาลัยดอกไม้หอมฟุ้งพวงแล้วพวงเล่าที่ถูกกรองขึ้นพร้อมๆ กับอาการง่วงหงาวหาวนอน จนเมื่อได้ปริมาณมากพอเด็กๆ เหล่านั้นก็จะนำพวงมาลัยมาแขวนไว้ที่ท่อหรือไม้ยาวเพื่อที่จะนำไปขายที่ท้องถนนยามเช้า พวกเขาจะมีความสุขมากที่สุดถ้าหากว่าพวงมาลัยนับยี่สิบพวงที่พวกเขาถือออกมาขายตั้งแต่เช้าตรู่ขายได้หมดอย่างรวดเร็ว เพราะนั่นหมายถึงว่าพวกเขาจะได้รีบไปโรงเรียนพูดคุยและเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ไม่ต้องยืนแบกราวพวงมาลัยที่หนักแสนหนัก ตากแดดที่นับวันก็ยิ่งร้อนแรงขึ้นทุกทีๆ รอคอยว่าเมื่อไหร่จะมีคนใจดีเหมาพวงมาลัยในมือเล็กๆ นี้ไป
ตกเย็น ทั้งที่อยากจะอยู่เล่นกับเพื่อนๆ ใจจะขาดหากเด็กๆ เหล่านี้ก็จำต้องตัดใจ รีบวิ่งกลับบ้านเพื่อมาเอาพวงมาลัยไปขายต่อ ถ้าวันไหนเหนื่อยน้อยก็จะมีแรงทำการบ้านที่คุณครูสั่งต่อจนเสร็จ แต่หากวันไหนเหนื่อยมากก็ต้องยอมถูกคุณครูทำโทษในวันต่อมา
ผู้คนที่สุขสบายอยู่บนกองเงินกองทองกับเครื่องปรับอากาศที่ให้ลมเย็นฉ่ำและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาจมองเด็กๆ ที่สวมเสื้อผ้าสกปรกและเร่ขายพวงมาลัยตามสี่แยกไฟแดงว่าเป็นปัญหาสังคมที่รัฐบาลควรจัดการ ที่เป็นเช่นนั้นก็เป็นเพราะคนเหล่านั้นมองเด็กๆ ที่ขายพวงมาลัยเพียงแค่ด้านเดียว มองและคิดทั้งๆ ที่ตัวเองสร้างกำแพงแน่นหนาที่เรียกว่า’อคติ’ขึ้นมา แต่ถ้าเพียงว่าพวกเขาจะทำลายกำแพงนั้นลงและไตร่ตรองเสียใหม่ ก็จะพบว่าเด็กๆ เหล่านั้นแค่กำลังพยายามอย่างเต็มที่ที่จะช่วยให้ครอบครัวของตนมีกินมีใช้ กำลังแสดงความกตัญญูในอีกรูปแบบที่คนทั่วไปไม่ได้ทำเท่านั้นเอง และที่สำคัญเด็กๆ เหล่านี้ไม่ได้ทำอะไรผิด การขายพวงมาลัยเป็นอาชีพที่สุจริตทั้งยังไม่ทำลายสภาพแวดล้อม แม้พวกเขาเลือกที่จะเกิดมาร่ำรวยทุกสิ่งทุกอย่างครบบริบูรณ์เหมือนอย่างเด็กคนอื่นๆ ไม่ได้ แต่พวกเขาก็ดิ้นรนเพื่อที่จะได้มาซึ่งชีวิตที่ดีขึ้นโดยที่ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้กับใคร
หลายคนอาจเห็นใจและนึกสงสารเด็กๆ เหล่านี้ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เด็กๆ เหล่านี้อาจไม่ต้องการให้ใครมาเห็นอกเห็นใจ พวกเขาแค่ต้องการความเข้าใจเพียงเท่านั้น การที่เป็นเด็กขายพวงมาลัยอาจจะทำให้พลาดโอกาสที่จะได้เล่นสนุกเหมือนอย่างเด็กทั่วๆ ไป หรือไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายตามประสาผู้คนที่มีฐานะและเพรียบพร้อม แต่พวกเขาก็ได้หัวเราะกับเพื่อนๆ ที่ขายพวงมาลัยด้วยกัน ได้วิ่งเล่นไปตามทางเท้าและตามพื้นถนนยามที่รถติดไฟแดง ได้ชุ่มฉ่ำกับสายฝนยามที่เมฆหมอกกลั่นตัวลงมา ได้รู้จักค่าของเงินแต่ละบาท ข้าวแต่ละมื้อ และเวลาแต่ละวินาที
หลายคนอาจคิดว่าสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนอุปสรรคบนเส้นทางชีวิตที่พวกเขาต้องฝ่าฟัน แต่พวกเขาอาจมองในแง่กลับกันคือยกประสบการณ์เหล่านั้นให้เป็นกำไรชีวิต ที่ซึ่งจะเป็นเครื่องช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจและยอมรับในความเป็นไปของสิ่งต่างๆ และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข
มันเป็นประจำตรงสี่แยกนี้ ที่รถมันติดเหลือเกิน แต่ใครๆ ก็คงต้องผ่าน
บังเอิญวันนั้นได้เหลือบไปเห็น แววตาของเด็กน้อยนั่งมองเหมื่อ อยู่ริมข้างฟุตบาท
เลยสะกิดใจ ค่อนข้างห่วงเขาเป็นอะไร จึงได้ทักไป
ให้ช่วยไหม ได้ฟังเขาตอบ น่าแปลกใจ
ก็อยากให้ไฟแดงนานกว่านี้หน่อย
เผื่อว่าจะได้ขายมาลัยให้หมด
ถ้าหากว่าวันนี้มีไฟเขียวบ่อย ก็คงขาดทุน
ไม่มีใครอยากซื้อมะลิบานๆ
และทุกวันนี้ต้องผ่านทางนั้น ที่รถมันติดเหลือเกิน แต่ตัวฉันไม่เคยจะเบื่อ
เพราะฉันนึกถึงคำตอบเด็กน้อย ที่คอยเตือนใจฉันให้รู้สึก ให้นึกถึงคนอื่น
ลองเอาใจเขา เข้ามาใส่หัวใจสักที โลกในแง่ดี
มีความหมาย ให้ฉันได้เปลี่ยน เปลี่ยนความคิด
เพลง : ก่อนมะลิบาน โดย : ไทม์ (Time)
เด็กขายพวงมาลัยที่ซึ่งถูกมองว่าเป็นเด็กที่ไร้ซึ่งโอกาส เป็นเด็กที่ไร้การศึกษา เป็นเด็กที่น่ารำคาญในสายตาของคนใจดำหลายๆ คน แท้จริงแล้วพวกเขาก็เป็นเพียงแค่เด็ก เด็กตัวเล็กๆ เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ทั่วไป เพียงเพราะพวกเขาเกิดมาไม่มีในสิ่งที่คนอื่นๆ มี ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ต้องการในสิ่งที่เด็กคนอื่นๆ ต้องการ ทั้งความรัก การดูแลเอาใจใส่ การอบรมสั่งสอน และการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้พวกเขาที่ซึ่งจะเติบโตไปเป็นกำลังของชาติในอนาคตเป็นคนดีและมีคุณภาพ ฉะนั้นเราจึงควรเปิดใจให้กว้าง รับรู้และตระหนักให้ได้ว่าเด็กกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนั้นได้มอบอุทาหรณ์อะไรให้แก่เรา และในเมื่อเด็กๆ เหล่านั้นมอบอุทาหรณ์ให้เราแล้ว เราจะไม่มอบอะไรกลับไปบ้างเชียวหรือ หากว่าเราคิดว่าพวกเขาด้อยโอกาส พวกเขาก็สามารถมีโอกาสได้ ถ้าเพียงเราเริ่มที่จะหยิบยื่นให้.
พวกเรามีความคิดเห็นเป็นอย่างไรบ้างครับ?

วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2551

สาสน์จากท่าน Dali Lama ที่ได้กล่าวไว้สำหรับปี 2008

คุณใช้เวลาในการอ่านและคิดตาม เพียง 2-3 นาทีเท่านั้นโปรดอย่าเก็บคำสอนนี้ไว้คนเดียว มิเช่นนั้นมนตราที่ส่งมานี้จะจากคุณไปภายใน 96 ชั่วโมงแล้ว… คุณจะได้พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่คุณจะยินดีมาก

ข้อแนะนำในการดำเนินชีวิต

  1. ระลึกเสมอว่า การจะได้พบความรักและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ต้องประสบกับความเสี่ยงอัน มหาศาลดุจกัน
  2. เมื่อคุณแพ้ อย่าลืมเก็บไว้เป็นบทเรียน
  3. จงปฏิบัติตาม 3Rs
    3.1 เคารพตนเอง (Respect for self)
    3.2 เคารพผู้อื่น (Respect for others)
    3.3 รับผิดชอบต่อการกระทำของตน (Responsibility for all your actions)
  4. จงจำไว้ว่า การที่ไม่ทำตามใจปรารถนาของตนบางครั้งก็ให้โชคอย่างน่ามหัศจรรย์
  5. จงเรียนรู้กฎ เพื่อจะทราบวิธีการฝ่าฝืนอย่างเหมาะสม
  6. จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย มาทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ
  7. เมื่อคุณรู้ว่าทำผิด จงอย่ารอช้าที่จะแก้ไข
  8. จงใช้เวลาในการอยู่ลำพังผู้เดียวในแต่ละวัน
  9. จงอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลง แต่อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณหลุดลอยจากไป
  10. จงระลึกไว้ว่า บางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด
  11. จงดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อที่ว่าเมื่อคุณสูงวัยขึ้นและคิดหวนกลับมาคุณจะสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง
  12. บรรยากาศอันอบอุ่นในครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต
  13. เมื่อเกิดขัดใจกับคนที่คุณรัก ให้หยุดไว้แค่เรื่องปัจจุบัน อย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต
  14. จงแบ่งปันความรู้ เพื่อเป็นหนทางก้าวสู่ความเป็นอมตะ
  15. จงสุภาพกับโลกใบนี้
  16. จงหาโอกาสท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณไม่เคยไป อย่างน้อยก็ปีละครั้ง
  17. จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด คือความรักมิใช่ความใคร่
  18. จงตัดสินความสำเร็จของตนด้วยสิ่งที่ต้องเสียสละ
  19. จงเข้าใกล้ความรักด้วยการปล่อยวาง


ขอให้โชคดีทุกท่าน และโปรดอย่าลืมส่งต่อ ๆ ไปด้วยน่ะคะ

วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2551

Where are you now? From a camel story...









" บ้านเบิร์ด" ที่เชียงฮายจากทาง "อากาศ"_และข้อคิดดีๆ




(บางส่วนของข่าว)

'เบิร์ด' ยึดแนวพระราชดำริ'ทำดินให้เป็นทอง'

อุดมสุข...สวนเกษตร 'เบิร์ด' ธงไชยยึดแนวพระราชดำริ 'ทำดินให้เป็นทอง'

หว่านวันแม่ เก็บเกี่ยววันพ่อ...!!!

...ท่ามกลางพื้นหมอก ที่หนาวจัดกลางทุ่งนา ในอุณหภูมิ 8 องศาเซลเซียส ณ บ้านไร่อุดมสุข ท้องทุ่งบ้านป่าจั่น หมู่ 7 ตำบลเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งพากันเอามื้อ (ลงแขก) เกี่ยวข้าว

ต้นข้าวที่อุดมสมบูรณ์ บนผืนนา 17 ไร่ ส่งประกายสีทองเหยียดยาวรอคมเคียว สังเกตง่ายจากเมล็ดที่เต่งตึง รวงโน้มโค้งลงเสมือนกับคนพนมมือยกขึ้นไหว้ ในพื้นที่ส่วนหนึ่งจาก 100 กว่าไร่ของ สวนอุดมสุขที่จำแนกการปลูกพืชไว้หลากหลายชนิด

...ผู้ที่นำและเป็นเจ้าของนาผืนนี้คือ นายธงไชย แมคอินไตย์ หรือที่คนไทยทั้งประเทศ (และใกล้เคียง) รู้จักเขาในนาม 'เบิร์ด' ดาราระดับ Super Star ที่โด่งดังทั้งการเป็นนักร้องและนักแสดง

นาของเรา ข้าวของเรา... เป็นคำพูดที่ย้ำออกมายังกับท่องจำ พร้อมๆกับ ดึงด้ามเคียว ตัดต้นข้าวกำแล้วกำเล่า อย่างมันเขี้ยว ทำอย่างนี้อยู่เป็นนาน จนกระทั่งร่างกาย สลายความเหน็บหนาวไป เจ้าของนาจึงค่อยๆ ถอดเสื้อกันหนาวออก ทีละตัวๆ จนเหลือ แค่เสื้อแขนยาวเพียงตัวเดียว

'...ในอดีตครอบครัวผมยากจนมาก คุณแม่ (นางอุดม แมคอินไตย์) ต้องไปเป็นหนี้ข้าวมาเลี้ยงลูกๆ คือพวกผม 7 ชีวิตพี่ๆน้องๆ ตอนนี้พอมีเงินบ้าง (มากๆด้วย) ผมก็เลยพาครอบครัว มาปลูกข้าวกินเอง ผืนที่ดินแห่งนี้ คุณแม่ผมรักมันมาก...' เป็นคำบอกเล่าของ 'เบิร์ด' ในช่วงพักเหนื่อย แล้วก็บอกต่ออีกว่า...

ผมเรียนรู้จากชาวบ้าน ในการทำนาปลูกข้าว จากนั้นก็ปลูกพืชผักอื่นๆ ปลูกบ้านและขุดบ่อน้ำ (เลี้ยง ปลา แต่ห้ามจับขึ้นมากินมาขาย) แล้วมาเห็น หนังสือเล่มหนึ่งเป็น ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเกษตรตามแนวพระราชดำริ มีการวาดภาพพื้นที่ที่อยู่อาศัย ขุดบ่อน้ำ ปลูกข้าว ปลูกพืช เป็นการเกษตรพอกินพออยู่ ซึ่งมันตรงกับที่เราทำอยู่ จึงรู้ว่า...'เบิร์ด' เอ๊ย เจ้าเดินมาถูกทางแล้ว พร้อมกับที่ผมมีความคิดว่า เรามีใจ มีสมอง มีปัญญาที่จะมาช่วยพัฒนาตรงนี้ได้

ตอนแรกๆที่ผมเข้ามา หมู่บ้านป่าจั่น เมื่อ 4-5 ปีก่อนนั้น พอสัมผัสกับชาวบ้าน ทำให้เกิดความรู้สึกว่าพวกเขาบริสุทธิ์มากๆและ ได้รู้ว่าการเป็นเกษตรกรร่ำรวยความสุข มีครอบครัวที่อยู่เย็นเป็นสุข นอกนั้นไม่มีอะไรเลย จะมีเงินก็มาจากการกู้ยืมอันเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่พวกเขาจักต้องรักษาไว้ คือ ต้องรักษา 'หนี้' โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะใช้หมด... ชาตินี้หรือว่าชาติไหน...!!!

...เพราะเงินมันเป็นอนาคตที่มองไม่เห็น กว่าจะได้มาสุดแสนจะยากลำบาก

ช่วงนั้น หนุ่มๆ-สาวๆอพยพไปทำงานในภาคอุตสาหกรรมที่อื่นหมด คงยังเหลือแต่คนแก่กับเด็กๆเฝ้าบ้าน ผมจึงเข้าไปลุยในหมู่บ้าน บอกกับชาวบ้านว่า...เจ้านายทอดพระเนตรดูเราอยู่นะ ต้องตั้งใจทำงาน อย่าหนีไปไหน ที่นี่เป็นขุมเงินขุมทอง ของพวกเรา ที่ดินเป็นที่ทำกินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อย่าปล่อยรกและอย่าขายทิ้ง

ผม กับ พี่ชาย (ปื๊ด-เกรียงไกร แมคอินไตย์) ทำการเกษตร เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่ชาวบ้าน เมื่อหมดฤดูนา ก็มีการปลูกพืชอื่นๆ แล้ว ผมก็หาพริกพันธุ์ดีๆ มาแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน ได้ร่วมกันปลูก พอพริกเจริญงอกงามผลผลิตออกมา เขาก็จะนำมาส่งมาให้เรา เราก็จะหาตลาดและส่งขายให้เขา พอเขาได้เงินก็ดีใจมีแรงที่จะทำต่อ

พืชไร่เราก็ทำให้เป็นตัวอย่าง และก็แนะนำ ให้รื้อฟื้นแผ่นดิน ต้นลิ้นจี่ ลำไย เก่าๆแก่ๆ ที่ปล่อยให้รกร้าง จนต้นโทรมแทบจะยืนตายนึ่ง ก็มาตัดแต่งกิ่งทำสาวต้นใหม่ เมื่อผลผลิตออกมาชาวบ้าน อาจจะมึนตื้อไม่รู้จะนำไปขายที่ไหน... ผมก็สนับสนุน ให้มีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และสามารถยืดอายุการเก็บรักษาด้วยการ สร้างโรงอบแห้งขึ้นมาบริการแก่ชาวบ้าน พวกเขาก็พอใจ ที่ไม่ต้องขนลำไยสดไปที่อื่น ให้เสียค่าขนส่งโดยใช่เหตุ

เพื่อการพัฒนาในด้านการผลิต ผมแนะนำให้ชาวบ้านได้มีความรู้ในเรื่องดิน และ ได้ติดต่อนักวิชาการมาให้ความรู้ในเรื่องการตรวจสภาพดินว่ามี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส กำมะถันเท่าไหร่ พืชที่จะปลูกต้องการธาตุอาหารอะไรเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม ให้รู้จักทำปุ๋ย คิดสูตรปุ๋ย ปลูกพืชตระกูลถั่วบำรุงดิน

เมื่อช่วยแก้ ปัญหาในเรื่องการผลิต แล้วที่สำคัญสุดคือเรื่องตลาด ทำอย่างไร จะหลุดพ้นจากการกดขี่ของพ่อค้าคนกลาง อย่างที่ตอนที่ฮือฮาใน สวนอุดมสุข คือ ทำ เห็ดหอม พอผลผลิตออกมาผมก็นำไปขายบ้าง จ่าย แจกไปบ้าง

ด้วยที่ว่าในส่วนที่จ่ายแจกไปนั้น อาจมีผลสะท้อนกลับ เมื่อเขารับประทานเห็ดของเราแล้วชอบ หากติดใจในรสชาติ คราวต่อไปเขาก็จะสั่งซื้อจากเรา...ทีนี้เราก็จะขายได้

การเพาะเลี้ยงเห็ดหอมนี้ อาจารย์ดีพร้อม ไชยวงศ์เกียรติ จะเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแล ลูกน้องเราก็ค่อยๆทำจนเกิดความชำนาญ อย่างในตอนแรกๆ เราก็เพาะเชื้อเห็ดเพียง 16,000 ถุง จะมีส่วนเสียหาย 2,000 ถุง ซึ่งถือว่ามันเสียหายมาก เราก็จะค้นหาสาเหตุว่ามันมาจากอะไร เมื่อรู้แล้วก็จะปรับปรุง อย่างการติดเชื้อ การต้มที่ความร้อนไม่สม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความเสียหายที่น้อยลง

เมื่อเราเกิดความชำนาญแล้วต่อไปก็เป็น การลดต้นทุนการผลิต อย่างวัตถุดิบในการผลิตคือขี้เลื่อยไม้ยางพาราที่ต้องสั่งซื้อกันที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีราคาแพงมาก คันรถละ 17,000 บาท คาดว่าจะต้องเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันเป็นคันละ 20,000 บาท

ขี้เลื่อยรถบรรทุกคันหนึ่ง ก็ใช้เป็นเชื้อเพาะเห็ดหอมได้ 1 โรงเรือน ไหนจะค่าสารเคมี ค่าดำเนินการจัดการอีก อันเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตทั้งนั้น ก็อยากจะให้ชาวบ้านได้มีความคิด ที่จะใช้วัสดุในท้องถิ่นมาทดแทน ...ซึ่งเราเองก็พอมองหามาได้ แต่อยากจะให้ชาวบ้านเขาได้คิด และ ตัดสินใจกันเองบ้าง ไม่ใช่เป็นผู้ตามแต่อย่างเดียว

สวนอุดมสุข ของเรานี้ได้ทำการเกษตรผสมผสานอย่างจริงจัง และ พยายามที่จะให้เป็นแบบอย่าง แก่ชาวบ้านได้ยึดถือนำไปปฏิบัติด้วยใจ สมอง และ ภูมิปัญญาในการพัฒนาพื้นที่ทำกิน ให้สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองและครอบครัวให้อยู่รอดด้วยเศรษฐกิจพอเพียง

โดย ดำเนินตามแนวพระราชดำริ ซึ่งเกษตรกรต้อง ทำให้จริง อยู่ให้เป็น พอมีพอกิน เพราะงานเกษตรกรรมจะสำเร็จได้ต้องใช้เวลา และเกษตรกรต้องมีความ อุตสาหะ รักจริงแล้วก็จะทำได้

เพราะดินเป็นดินของเรา เมื่อทำให้ดินมีหญ้าขึ้นได้ (ดินก็เกิดความอุดมสมบูรณ์) ก็ถือว่าการเกษตรประสบความสำเร็จ

จากนั้น จง...ทำดินให้เป็นทอง ทำหญ้าให้เป็นแบงก์ และก็ทำได้ไม่ยากนัก...แน่นอนที่สุดอยู่ที่ตัวเราเอง...!!!

Face the reality. Please read till the end...

Just want to share another good & worth to read article. Please take a moment and read carefully and you will know yourself much better and YOU will realize that you can be part of the growth and success in all aspects of your life.

One day all the employees reached the office and they saw a big advice on the door on which it was written:

'Yesterday the person who has been hindering your growth in this company passed away.
We invite you to join the funeral in the room that has been prepared in the gym'.

In the beginning, they all got sad for the death of one of their colleagues, but after a while they started getting curious to know who was that man who hindered (อุปสรรค) the growth of his colleagues and the company itself.

The excitement in the gym was such that security agents were ordered to control the crowd within the room.

The more people reached the coffin, the more the excitement heated up.

Everyone thought: 'Who is this guy who was hindering my progress?
Well, at least he died!'.

One by one the thrilled employees got closer to the coffin, and when they looked inside it they suddenly became speechless. They stood nearby the coffin, shocked and in silence, as if someone had touched the deepest part of their soul.

There was a mirror inside the coffin: everyone who looked inside it could see himself.

There was also a sign next to the mirror that said:

'There is only one person who is capable to set limits to your growth: it is YOU.

You are the only person who can revolutionize your life. You are the only person who can influence your happiness, your realization and your success.

You are the only person who can help yourself.

Your life does not change when your boss changes, when your friends change, when your parents change, when your partner changes, when your company changes. Your life changes when YOU change, when you go beyond your limiting beliefs, when you realise that you are the only one responsible for your life.

'The most important relationship you can have, is the one you have with yourself'

Examine yourself, watch yourself. Don't be afraid of difficulties, impossibilities and losses: be a winner, build yourself and your reality.

The world is like a mirror: it gives back to anyone the reflection of the thoughts in which one has strongly believed.

The world and your reality are like mirrors laying in a coffin, which show to any individual the death of his divine capability to imagine and create his happiness and his success.

It's the way YOU face Life that makes the difference

10 Roses just for you who visit this blog.












วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2551

Alive














วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2551

Quiz#4: Human Resource Information System (HRIS)

***** Human Resource Information System (HRIS) ในกรณีที่บริษัทของท่านมีสาขาอยู่ทั่วทุกภาค มีพนักงานมากกว่า 10,000 คน ท่านสามารถนำระบบ HRISมาประยุกต์ใช้ในบริษัทของท่าน อย่างไร จึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด*****



ในปัจจุบันการบริหาร และจัดการองค์กรที่ดีเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการเสริมสร้างศักยภาพขององค์กร ดังนั้นการบริหารทรัพยากรของมนุษย์ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนาองค์กร และบุคลากรในองค์กรเพื่อให้องค์กรก้าวไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้นการนำระบบ HRIS มาใช้ก็เพื่อช่วยในการบริหารจัดการเกี่ยวกับบุคลากรในองค์กร โดยใช้ทรัพยากรมนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยนำเทคโนโลยีของระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการบริหารงาน ก่อให้เกิดข้อมูลสำหรับให้ผู้บริหารใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับบุคลากร รองรับงานส่วนต่างๆของระบบงานบุคคล ตั้งแต่การเก็บข้อมูล ประวัติของพนักงาน ประวัติการมาทำงาน สถิติการลา สวัสดิการต่างๆ ที่พนักงานแต่ละคนได้รับประวัติการอบรมทั้งภายในและภายนอกองค์กร ตลอดจนการประมวลผลเงินเดือนที่มีความถูกต้องแม่นยำ สามารถจัดเก็บข้อมูลเงินเดือน ส่งให้ธนาคารต่าง ๆ ได้สำหรับกิจการที่จ่ายเงินเดือนพนักงานโดยผ่านธนาคาร เช่น e-Banking เป็นต้น ข้อมูล ภงด.1, ภงด.1ก สามารถนำข้อมูลออกจากระบบในรูปแบบของ File ลงแผ่นดิสก์ ส่งสรรพากรหลังจากประมวลผลเงินเดือน หรือหากต้องการข้อมูลในรูปแบบของรายงาน ระบบ HRIS ที่เราเลือกมาใช้ ต้องมีรายงานราชการต่าง ๆ ที่แต่ละองค์กรสามารถพิมพ์ และนำส่งได้ทันที เช่น รายงานนำส่งเงินสมทบ (สปส.) ภงด.1, ภงด.1ก และ ภงด.91 เป็นต้น

จากกรณีศึกษาบริษัทมีพนักงานมากกว่า 10000 คน อีกทั้งยังมีสาขาอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ ดังนั้นการที่บริษัทจะนำระบบ HRIS มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้น เรามีความจำเป็นที่จะต้องเลือกระบบ HRIS ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบ ERP มาใช้ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ เพื่อสนองตอบความต้องการของผู้บริหารของบริษัท ก่อนอื่นเราต้องมาดูเป้าหมายของผู้บริหารก่อนว่าต้องการอย่างไร เช่น ผู้บริหารมีความต้องการให้ระบบสามารถสนองตอบความต้องการดังนี้

  • ต้องเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับ การบริหารองค์ความรู้ (Knowledge Management) องค์กร
  • ต้องมีความสามารถในการคัดเลือกบุคลากรที่มีศักยภาพสูงเข้าทำงาน (Strong Candidate selection)
  • ต้องสามารถวางแผนด้านบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Work Force Planning)
  • ต้องสามารถเป็นที่ปรึษาทางด้านกลยุทธ์ (Strategic Consultant)
  • ช่วยสนับสนุนในการตัดสินใจของไลน์ (Line Management Decision Support)
  • เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา (Continuous Change Management)
  • เป็นผู้ทำให้วิสัยทัศน์ขององค์กรไปในทิศทางเดียวกัน (Vision & Value Alignment)
  • เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคน (Leadership Transformation)
  • ช่วยรักษาคนเก่ง ให้อยู่ทำงานกับองค์กร (Key Talent Retention)
  • ทำให้พนักงานมีส่วนร่วมและรักองค์กร (Employee Engagement)

เมื่อเราทราบความต้องการของผู้บริหารแล้ว เราก็มาทำการเลือกโปรแกรม (Software) ที่จะนำมาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการและสามารถนำมาใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยการเลือก ระบบที่เป็น Web Base และมีเลือกใช้ระบบฐานข้อมูลของ Microsoft SQL เพื่อประโยชน์ในการใช้งานที่คล่องตัว โดยผ่านทาง Internet ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว อีกทั้งมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดี

เมื่อเลือกได้แล้ว เราก็ต้องมากำหนดสิ่งที่เราต้องการในตัวโปรแกรมว่าต้องมีโมดูลอะไรบ้าง เพื่อที่จะสามารถรองรับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ของบริษัทเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเราจึงได้เลือกโมดูลที่อยู่ในตัวโปรแกรมที่จะใช้งานดังภาพต่อไปนี้คือ




การนำตัวโปรแกรมมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ดังนี้คือ

Organization


เป็นระบบที่จัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับองค์กร โดยระบบนี้จะเป็นพื้นฐานอย่างแรกในการกำหนดข้อมูลซึ่งในแต่ละองค์กรจะมีระบบโครงสร้างที่แตกต่างกันไป ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาระบบขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับความยืดหยุ่นกับผู้ใช้ ซึ่งสามารถจัด Organize ภายในองค์กรได้อย่างอิสระที่จะกำหนดโครงสร้างองค์กรเอง เพราะว่าองค์กรของเรานั้นมีอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ ทำให้เรามีความจำเป็นต้องสร้างข้อมูลในแต่ละสาขา ซึ่งระบบจะแสดง Organize Chart ให้ตามที่ผู้ใช้ได้กำหนดไว้ รวมถึง Job Description ของพนักงานแต่ละตำแหน่ง อัตราการหักเงินประกันสังคม อัตราการหักกองทุนเงินทดแทนที่จะต้องนำค่าจ้างทั้งปีและอัตราเงินสมทบไปแสดงใน กท.20 ก.ในระบบ Payroll และรองรับในกรณีที่บริษัทมีกองทุนสำรองมากกว่า 1 กองทุน เพื่อจัดสรรแต่ละกองทุนกับพนักงานแต่ละคนซึ่งข้อมูลองค์กรต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้จะนำไปใช้งานกับระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลดังต่อไปนี้คือ


  • สามารถจัดโครงสร้างและแสดงแผนผังของบริษัทได้
  • สามารถกำหนดรหัสสาขา รหัสฝ่าย รหัสแผนก รหัสตำแหน่งของพนักงานได้ไม่จำกัด
  • สามารถบันทึก Job Description ของแต่ละตำแหน่งได้อย่างละเอียด
  • สามารถกำหนดค่าความสามารถของพนักงานได้ เช่น ภาษา, พิมพ์ดีด, คอมพิวเตอร์
  • สามารถกำหนดรหัสรายได้, รหัสรายการหักได้ตามความต้องการ
  • สามารถกำหนดรายได้ รายหัก เลือกได้ว่าจะคิดภาษีหรือไม่คิดภาษี
  • สามารถกำหนดเกณฑ์การหักภาษี ณ ที่จ่าย, ประกันสังคม
  • สามารถกำหนดประเภท OT ได้ไม่จำกัดรูปแบบ
  • สามารถกำหนดประเภทการลาได้ไม่จำกัด
  • รองรับการจ่ายเงินเดือนผ่านธนาคาร ต่าง ๆ
  • สามารถกำหนดวิธีการคำนวณภาษีได้ว่าจะเป็นแบบปรับเองตามเดือน หรือแบบคงที่
  • สามารถกำหนดเงื่อนไขจำนวนวันทดลองงานได้
  • สามารถกำหนดนโยบายการปัดเศษสตางค์ ได้
  • สามารถปรับเปลี่ยนอัตราภาษี ประกันสังคมได้เอง กรณีมีการกฎหมายเปลี่ยนแปลง
  • สามารถกำหนดงวดการจ่ายเงินเดือนและค่าแรง ได้สูงสุด 60 งวดต่อปี
  • สามารถกำหนดงวดการจ่ายเงินได้ทั้งงวดประจำอาทิ งวดรายเดือน รายสัปดาห์และเป็นการจ่ายงวดพิเศษ เช่น ออกโบนัสครึ่งปี เป็นต้น

รายงานระบบโครงสร้างบริษัท

เมื่อเราได้กำหนดข้อมูลต่าง ๆ ในโมดูลนี้แล้ว เราก็จะสามารถพิมพ์รายงานต่าง ๆ ออกมาได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • รายงานข้อมูลสาขา
  • รายงานข้อมูลฝ่าย
  • รายงานข้อมูลแผนก
  • รายงานข้อมูลแผนกของแต่ละฝ่าย
  • รายงานข้อมูลตำแหน่ง
  • รายงานข้อมูลรายได้
  • รายงานข้อมูลรายหัก
  • รายงานข้อมูลผังบัญชี
  • รายงานข้อมูลกลุ่มพนักงาน
  • รายงานข้อมูลธนาคาร
  • รายงานข้อมูลการลา
  • รายงานข้อมูลทั่วไป
  • รายงานข้อมูลความสามารถทั่วไป
  • รายงาน Job Description ของแต่ละตำแหน่ง
  • รายงานภาษีและค่าลดหย่อน
  • รายงานข้อมูลกลุ่มผู้ใช้

Personnel

เป็นระบบที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกัพนักงาน เช่น ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลรายได้/รายหัก บุคคลค้ำประกัน ประวัติการศึกษาประสบการณ์การทำงาน ความสามารถ ประวัติการรักษาพยาบาล รวมถึงโรคประจำตัว ข้อมูลทางครอบครัว ที่อยู่อาศัย ค่าลดหย่อน ประกันสังคม และการกำหนดเงื่อนไขการหักกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้หลากหลาย การคำนวณวันทดลองงาน/อายุงานให้อัตโนมัติ การรับ-จ่ายบัตรพนักงาน การปรับตำแหน่งและเงินเดือนรายบุคคล หรือแบบกลุ่มและจะคำนวณเปอร์เซ็นต์หรือจำนวนเงินให้อัตโนมัติ รวมถึงการกำหนดจ่ายเงินเดือนได้มากกว่า 1 ธนาคารให้พนักงานรายบุคคล หรือรายกลุ่มทั้งนี้ยังมีการจัดเก็บระบบข้อมูลที่ดีซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่าง อิสระง่ายต่อการใช้งาน สะดวก และรวดเร็ว เช่น พนักงานที่ลาออกไปแล้วกลับเข้ามาทำงานใหม่โดยไม่ต้องบันทึกประวัติใหม่ การตรวจสอบ พนักงานครบสัญญาจ้างงานหรือต่อสัญญาจ้างงานใหม่โดยอ้างอิงจากสัญญาเดิม โดยจะมีข้อมูลดังต่อไปนี้คือ

  • สามารถเก็บประวัติของพนักงานได้โดยละเอียด เช่น ประวัติการศึกษา, ประสบการณ์การทำงาน, โรคประจำตัว, ข้อมูลทางครอบครัว, บุคคลค้ำประกัน, ข้อมูลรายได้/รายหัก, ความสามารถ, สถานะภาพส่วนตัว, ค่าลดหย่อน, ประกันสังคม/สะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ที่อยู่อาศัย, รายได้, ประวัติการรักษาพยาบาล และข้อมูลอื่น ๆ
  • สามารถบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับสัญญาจ้าง, สัญญาการค้ำประกัน
  • สามารถบันทึกการปรับตำแหน่ง และเงินเดือน เป็นกลุ่มได้
  • สามารถกำหนดประเภทพนักงานเป็นพนักงานประเภทเงินเดือน, ค่าแรงรายวัน, ค่าแรงรายชั่วโมง
  • สามารถบันทึกผลงานดีเด่น หรือการทำผิดทางวินัย / ลงโทษของพนักงาน
  • สามารถบันทึกการพักงานพนักงาน และการยกเลิกการพักงาน
  • สามารถเก็บแฟ้มประวัติพนักงานรายวัน, ประจำหรือทดลองงาน
  • สามารถพิมพ์รายงานทะเบียนลูกจ้างตามกฎกระทรวงมหาดไทยได้
  • สามารถกำหนดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงานได้
  • สามารถพิมพ์รายงานประวัติพนักงาน ที่มีรูปภาพของพนักงานได้
  • สามารถบันทึกการลาออก / เกษียณ ของพนักงาน

รายงานระบบทะเบียนประวัติพนักงาน


ในทะเบียนประวิตินี้ พนักงานยังสามารถพิมพ์ข้อมูลที่จำเป็นของตัวเองได้ตามสิทธิที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้วดังนี้

· รายงานพนักงานเข้าใหม่
· รายงานพนักงานที่มีโรคประจำตัว
· รายงานประวัติพนักงาน
· รายงานพนักงานที่มีผลงานดีเด่น
· รายงานประวัติพนักงานแบบละเอียด
· รายงานพนักงานที่ถูกทำโทษทางวินัย
· หนังสือสัญญาจ้างงาน
· รายงานพักงานพนักงาน
· รายงานสัญญาจ้างงาน
· รายงานยกเลิกพักงานพนักงาน
· รายงานพนักงานที่เริ่มสัญญาจ้าง
· รายงานพนักงานลาออก/เกษียณ
· รายงานพนักงานที่หมดสัญญาจ้าง
· รายงานการปรับตำแหน่งและเงินเดือน
· หนังสือสัญญาค้ำประกัน
· รายงานการปรับเงินเดือนของพนักงาน
· รายงานสัญญาค้ำประกัน
· รายงานประวัติการทำงานพนักงาน
· รายงานอัตราจ้าง
· รายงานทะเบียนลูกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย
· รายงานเงินเดือนและรายได้ประจำอื่น
· รายงานรายละเอียดทั่วไปของพนักงาน
· รายงานพนักงานครบทดลองงาน
· รายงานรายชื่อพนักงาน
· รายงานพนักงานอยู่ระหว่างทดลองงาน
· รายงานประเมินผลงานพนักงาน
· รายงานครบรอบวันเกิดของพนักงาน
· ฟอร์มข้อมูลพนักงาน
· รายงานจำนวนพนักงานของแต่ละหน่วยงาน
· รายงานการอนุมัติ
· รายงานที่อยู่ของพนักงาน
· รายงานทะเบียนลูกจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
· รายงานประวัติการศึกษา
· รายงานอายุการทำงานของพนักงาน
· รายงานข้อมูลความสามารถของพนักงาน

ระบบเงินเดือน (Payroll System)

ระบบเงินเดือน เพื่อช่วยในการจัดการเกี่ยวกับการคำนวณเงินเดือนพนักงาน คิดคำนวณภาษี ประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ฯลฯ ให้มีความถูกต้องแม่นยำ ความรวดเร็ว โดยสามารถแบ่งรูปแบบองค์กรเป็นสาขา /โครงการ/แผนงาน/แผนก/ฝ่าย และแบ่งตำแหน่งงาน หรือระดับพนักงานได้สามารถกำหนดเงินได้ เงินหัก และรหัสประเภท OT ได้ไม่จำกัด โดยสามารถ ระบุได้ว่ารายได้นั้น ๆ นำไปรวมเพื่อคิดภาษี ประ กันสังคมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รองรับการคิดคำนวณภาษีแบบเหมาจ่ายทุกประเภท เพื่อนำส่ง ภงด.3 และการคำนวณค่าแรงเป็น JOB COST สามารถพิมพ์รายงานส่งหน่วยงานราชการ และรายงานที่ใช้งานในบริษัทด้วย

  • ระบบที่ใช้สำหรับทำการประมวลผลเงินเดือนและค่าแรง(รายได้/รายหัก)ที่จ่ายให้กับพนักงาน
  • สามารถทำการตรวจสอบผลการคำนวณในแต่ละงวดได้โดยทันที โดยจะมีรายละเอียดแจกแจงให้ทราบทั้งหมด
  • สามารถแก้ไขข้อมูลที่คำนวณแล้ว และทำการคำนวณให้ใหม่ได้ทันที
  • สามารถบันทึกข้อมูลลงแผ่นดิสก์ส่งธนาคาร หากมีการจ่ายเงินเดือนผ่านธนาคาร
  • สามารถบันทึกข้อมูลลงแผ่นดิสก์ส่งสำนักงานประกันสังคม
  • สามารถบันทึกขอมูล ภ.ง.ด 1 , ภ.ง.ด 1ก ลงแผ่นดิสก์ส่งสรรพากรได้
  • สามารถพิมพ์หนังสือรับรองเงินเดือน หรือหนังสือรับรองการผ่านงานได้
  • สามารถเก็บยอดสะสม รายได้ รายหัก ของพนักงานทุกงวดในปีภาษี
  • สามารถปริ้นซ์ ใบรับเงินเดือน (Pay Slip) ออกจากโปรแกรมได้
  • สามารถพิมพ์รายงานสรุปเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา และค่าใช้จ่ายอื่นๆเพื่อลงบัญชีได้
  • สามารถ Post รายการบัญชีสู่ระบบ GL ของโปรแกรมบัญชีได้
  • สามารถเลือกประมวลผลหรือคำนวณรายได้ รายการหักของเงินเดือนของพนักงานทั้งหมด พนักงานบาง ส่วนหรือเฉพาะกลุ่มบุคคลได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งจนกว่าจะมีการปิดงวดการจ่ายเงิน ระบบจะทำการเปลี่ยน งวดการจ่ายเงินโดยอัตโนมัติ

รายงานระบบเงินเดือน (ภายใน)

คือผู้ใช้สามารถที่จะพิมพ์ข้อมูลออกมาในรูปแบบของรายงานได้ตามต้องการ

o รายงานข้อมูลภาษีของพนักงาน
o รายงานรายได้-รายหัก และภาษีของพนักงาน
o รายงานสรุปเงินเดือนและค่าจ้าง(รายได้-รายหัก)
o รายงานการจ่ายเงินเดือนและค่าจ้างผ่านธนาคาร
o รายงานทะเบียนรายได้พนักงาน
o รายงานบัญชีเงินเดือนพนักงาน
o รายงานการจ่ายเงินเดือน และค่าจ้างเงินสด
o แบบฟอร์มลายเซ็นต์รับเงินและค่าจ้าง
o รายงานสรุปค่าล่วงเวลา
o รายงานยอดสะสมเงินเดือนและค่าจ้างประจำเดือน
o รายงานตรวจสอบการคำนวณ
o รายงานสรุปกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
o รายงานการแจ้งการขอเบิกเงินเดือนและค่าจ้าง
o รายงานการจ่ายเงินได้อื่นและเงินหัก
o รายงานการจ่ายค่าล่วงเวลา
o รายงานประกันสังคมเปรียบเทียบ 12 เดือน
o รายงานภาษีเปรียบเทียบ 12 เดือน
o หนังสือรับรองเงินเดือน
o หนังสือรับรองการผ่านงาน
o รายงานค่าจ้างประจำปี(สมทบกองทุนเงินทดลอง)
o รายงานค่าจ้างเปรียบเทียบ 12 เดือน

รายงานระบบเงินเดือน (ทางราชการ)

เมื่อผู้ใช้ต้องการข้อมูลไปใช้กับทางราชการ ก็สามารถที่จะพิมพ์ข้อมูลออกมาในรูปแบบของทางราชการเพื่อนำไปใช้ต่อไปได้ โดยไม่ต้องนำข้อมูลไปพิมพ์ใหม่อีกรอบหนึ่ง

§ ภงด. 1 / ภงด. 1 ก (ใบต่อและในปะหน้า)
§ สปส.1-10 (ส่วนที่ 1 )
§ สปส.1-10 (ส่วนที่ 1) กรณียื่นรวมสาขา
§ สปส.1-10 (ส่วนที่ 2)
§ สปส.1-02 / สปส.1-03
§ แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภงด.1
§ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภงด.91)
§ หนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย
§ หนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (แบบแยกฉบับ)
§ ทะเบียนผู้ประกันตน
§ แบบแจ้งการรับผู้ประกันตนเข้างาน
§ หนังสือแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน
§ หนังสือรับรองการหักลดหย่อนบิดามารดา

Time Attendance

เป็นระบบที่ใช้ในการบริหารและควบคุมเวลาในการทำงานของพนักงาน ตลอดจนการประมวลผลเวลาเพื่อส่งข้อมูลเข้าระบบ Payroll ในการคำนวณการจ่ายเงินไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขในเรื่องของการหักขาดงานมาสายและการจ่ายเบี้ยขยันต่างๆ และรองรับ Format เครื่องรูดบัตรได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ซึ่งพนักสามารถตรวจสอบข้อมูลเวลาการทำงานของแต่ละคนได้เอง รวมไปถึงการกำหนดรูปแบบตารางการทำงานได้ตามความต้องการหรือตามอัตโนมัติ, การกำหนดกะงาน, การหมุนกะงาน, การควงกะงาน, การเปลี่ยนหรือแลกกะงาน และค่าล่วงเวลาต่างๆรวมถึงเงื่อนไขในการลาทุกประเภทให้กับพนักงาน เป็นรายบุคคลหรือแบบกลุ่มโดยระบบจะตรวจสอบข้อมูลที่มี การผูกเงื่อนไขกันไว้ได้อย่างถูกต้อง และมีความแม่นยำในการประมวลผลสูตรในการคำนวณกะการทำงานในวันเดียวกัน หรือข้ามวันและมีระบบป้องกันหรือแจ้งเตือนกรณีเกิดความผิดพลาด จากผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี โดยมีข้อมูลดังต่อไปนี้คือ

ระบบควบคุมเวลาการทำงาน (Time Attendance System)

เป็นระบบที่ใช้สำหรับควบคุมเวลาการทำงานของพนักงาน

  • สามารถใช้กับเครื่องสแกนนิ้วมือและเครื่องรูดบัตรได้ ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ
  • บันทึกพนักงานยกเว้นการรูดบัตร และ บันทึกการออกบัตรแทน และสามารถบันทึกเหตุผลการไม่รูดบัตร
  • สามารถกำหนดตารางการทำงานของพนักงานแต่ละคนได้
  • สามารถปรับปรุงเวลาการทำงานของพนักงานแต่ละคนได้ เช่น แลกกะ, แลกวันหยุด, เปลี่ยนกะ, เปลี่ยนวันหยุด, โอนกะ, ปรับเวลาการเข้าทำงาน, บันทึกเวลาที่ลืมรูดบัตร
  • สามารถตรวจสอบเวลาการทำงานของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สามารถวางแผนการทำงานของพนักงานล่วงหน้า สำหรับพนักงานที่เข้างานเป็นกะทั้งที่มีแผนงานแน่นอนและพนักงานที่มีแผนงานไม่แน่นอนได้
  • เก็บสถิติการลาแต่ละประเภท ของพนักงานแต่ละคน
  • กำหนดวันหยุดประจำปี หรือวันหยุดเฉพาะของบริษัทได้
  • บันทึกการขอทำงานล่วงวลา
  • บันทึกการขออนุมัติลา
  • บันทึกการอนุมัติการลา
  • บันทึกขาด/ลา/มาสาย และบันทึกขอทำงานล่วงเวลา
  • สามารถนำข้อมูลเวลาที่ผ่านการทำงานในระบบนี้ ประมวลผลเข้าสู่ระบบเงินเดือน เพื่อคำนวณเงินเดือนได้

รายงานระบบควบคุมเวลาการทำงาน

  • รายงานการทำงานแต่ละกะ
  • รายงานขอทำงานล่วงเวลา
  • รายงานสรุปการทำงานล่วงเวลา
  • รายงานวันหยุดประจำปี
  • รายงานจำนวนวันอนุญาตลาพนักงาน
  • รายงานขออนุมัติลา
  • รายงานการอนุมัติลา
  • รายงานข้อมูลการลา
  • รายงานการออกบัตรแทน
  • รายงานการลา ขาด สาย
  • รายงานเข้า-ออก การทำงานพนักงาน
  • รายงานการมาทำงานของพนักงาน
  • รายงานการรูดบัตรของพนักงาน
  • รายงานเหตุผลการไม่รูดบัตร
  • รายงานพนักงานยกเว้นการรูดบัตร
  • รายงานรายละเอียดเครื่องรูดบัตร
  • รายงานจำนวนวันลาคงเหลือ

ระบบสวัสดิการพนักงาน (Welfare System)

ระบบเกี่ยวกับสวัสดิการที่บริษัทให้กับพนักงาน นอกเหนือจากเงินค่าจ้างและค่าแรงงาน



  • สามารถบันทึกรับคืนเงินกู้พนักงาน ได้ทั้งแแบบเงินสดและหักจากเงินเดือน (พร้อมค่าจ้าง)
  • สามารถบันทึกเบิกเงินล่วงหน้า และรับคืนจากเบิกเงินล่วงหน้า
  • สามารถบันทึกเบิกจ่ายสวัสดิการค่าเล่าเรียนบุตร
  • สามารถบันทึกเบิกจ่ายสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล
  • สามารถบันทึกการถือครองสินทรัพย์ของพนักงาน
  • สามารถสรุปการสั่งจ่ายเงินกู้พนักงาน
  • สามารถสรุปยอดค้างชำระเงินกู้
  • สามารถสรุปพนักงานที่ชำระคืนเงินกู้ครบ
  • สามารถสรุปการกู้เงินของพนักงาน

รายงานระบบสวัสดิการพนักงาน

  • รายงานการขอกู้เงิน
  • รายงานการอนุมัติเงินกู้
  • รายงานการสั่งจ่ายเงินกู้พนักงาน
  • รายงานการรับคืนเงินกู้
  • รายงานยอดค้างชำระเงินกู้
  • รายงานสรุปพนักงานที่ชำระเงินกู้ครบ
  • สรุปการกู้เงินของพนักงาน
  • รายงานการเบิกเงินล่วงหน้า
  • รายงานการรับคืนเบิกเงินล่วงหน้า
  • รายงานการเบิกค่าเล่าเรียนบุตร
  • รายงานจ่ายค่าเล่าเรียนบุตร
  • รายงานการเบิกค่ารักษาพยาบาล
  • รายงานจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล
  • รายงานการถือครองสินทรัพย์
  • รายงานสรุปค่าใช้จ่ายสวัสดิการ

ระบบการอบรม (Training System)

เป็นระบบที่ช่วยเก็บประวัติการฝึกอบรม ดูงาน ประชุม/สัมมนา ทั้งภายในและภายนอกขององค์กร ทำให้การจัดหลักสูตรและประเมินผลมีประสิทธิภาพ


  • แยกออกเป็นหลักสูตรชัดเจน ได้แก่ การดูงาน ,การประชุม/สัมมนา ,การอบรม
  • สามารถบันทึกผู้เข้าร่วมการดูงาน, การประชุม/สัมมนา, การอบรม ได้เหมาะสมกับหัวข้อนั้นๆ
  • สามารถบันทึกรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการจัดการดำเนินการหลักสูตรนั้นๆ เพื่อบันทึกไว้สำหรับการตัดสินใจในการจัดหลักสูตรต่อๆไปในอนาคต
  • สามารถบันทึกรายละเอียดตารางการดำเนินงานของหัวข้อการดูงาน, การประชุม/สัมมนา, การอบรม
  • สามารถกำหนดหัวข้อที่ต้องการประเมิน
  • สามารถบันทึกการประเมินผลหัวข้อเรื่องที่ได้ดูงาน, ประชุม/สัมมนา หรือ อบรม ภายหลังเสร็จสิ้นการดำเนินการหลักสูตรนั้นๆ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุดสำหรับการจัดหลักสูตรนั้นๆ
    แยกการประเมินผลหลักสูตรแต่ละหลักสูตรออกจากกันเป็น การประเมินผลการดูงาน, การประเมินผลการประชุม/สัมมนา และ การประเมินผลการดูงาน ทำให้การประเมินผลแต่ละหลักสูตรมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • การแสดงรายงานที่ช่วยในการในการติดตามความคืบหน้าได้ว่าพนักงานคนใด ได้เข้าร่วมหลักสูตรใดบ้างแล้ว และยังไม่ได้เข้าร่วมหลักสูตรใดอีกบ้าง

รายงานระบบฝึกอบรมพนักงาน

· รายงานรายละเอียดหัวข้อการฝึกอบรม
· รายงานประเมินผลการฝึกอบรม
· รายงานการประชุม/สัมมนาของพนักงาน
· รายงานรายละเอียดหัวข้อการประชุม/สัมมนา
· รายงานประเมินผลการประชุม/สัมมนา
· รายงานการดูงานของพนักงาน
· รายงานรายละเอียดหัวข้อการดูงาน
· รายงานประเมินผลการดูงาน
· รายงานหัวข้อการประเมินผล
· รายงานค่าใช้จ่าย
· รายงานสรุปค่าใช้จ่าย
· รายงานสรุปค่าใช้จ่ายเปรียบเทียบกับพนักงาน
· รายงานแสดงการผ่านหลักสูตรของพนักงาน
· รายงานแสดงพนักงานยังไม่ผ่านหลักสูตร
· รายงานแบบแจ้งบัญชีรายชื่อลูกจ้าง
· รายงานแบบแจ้งบัญชีรายชื่อผู้รับการฝึกประจำปี
· รายงานใบลงทะเบียนผู้รับการฝึกอบรม


Approve Center

เป็นระบบที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขออนุมัติต่างๆ ซึ่งระบบสามารถเก็บรวบรวมราย การเอกสารการขออนุมัติของหน้าจอต่างๆ ที่รอการอนุมัติจากผู้ที่มีสิทธิ์อนุมัติ กำหนดสิทธิ์ในการอนุมัติสำหรับ User แต่ละคนว่า User คนใดสามารถอนุมัติที่หน้าจอใดได้บ้างและที่หน้าจอนั้นสามารถอนุมัติใครได้บ้าง, กำหนด Flow การอนุมัติได้เองว่าการอนุมัติแต่ละเรื่องจะให้อนุมัติกี่ระดับขั้น, ตรวจสอบติดตามสถานะของเอกสารแต่ละรายการได้ว่าปัจจุบันติดอยู่ที่ใคร หรือว่ากำลังรอใครอนุมัติ, สามารถกำหนดให้มีการแจ้งเตือนหลังจากที่ผู้อนุมัติได้ทำการ อนุมัติ เอกสารเรียบร้อยแล้วได้อีกด้วย


Resource Planning

ระบบการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ในระบบ HRIS นั้นทำให้เราสามารถทราบข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหา ความต้องการ ทักษะ ความเคลื่อนไหวกำลังคน เป็นต้น ซึ่งจะนำไปถึงการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ และทำให้องค์กรสามารถดำเนินการในการพัฒนาเพื่อให้ได้มา ดังนี้คือ

  • ระบบ HRIS ในส่วนของ Resource Planning จะช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนพัฒนาการใช้ทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์อย่างสูดสุด กล่าวคือ เมื่อองค์กรได้มีการจัดเตรียมการวางแผนทรัพยากรมนุษย์อย่างเป็นระบบแล้ว ทำให้สามารถมองเห็นภาพรวมในความจำเป็นในการใช้กำลังคนในแต่ละหน่วยงาน ซึ่งทำในองค์กรสามารถจัดหากำลังคนที่ดีมีคุณภาพตามความเหมาะสมของแต่ละหน่วยงานเข้ามาทำงาน ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการจัดการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ขององค์กร ซึงเราสามารถวิเคราะห์ได้จากข้อมูลที่เก็บไว้ในฐานข้อมูลกลางขององค์กร
  • การวางแผนทรัพยากรมนษย์ยังได้ช่วยให้สามารถจัดสรรกำลังคนให้กับองค์กรที่กำลังขยายงาน อย่างเหมาะสม โดยจัดสรรกำลังคนที่ดีมีคุณภาพเข้ามาร่วมงาน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรได้อย่างประสิทธิผล ซึ่งการจัดการดังกล่าวจะทำให้คนกับงานมีความสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ อีกทั้งง่ายต่อการพัฒนาต่อไป เพราะเราสามารถทราบได้ว่าหน่วยงานไหนมีกำลังคนมากเกินไป หรือน้อยเกินไป ในแต่ละหน่วยงานต้องการกำลังคนที่มีความสามารถทางด้านใดบ้าง เป็นต้น
  • ทำให้กิจกรรมด้านทรัพยากรมนุษย์เป็นไปอย่างมีระบบและมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน คือ การวิเคราะห์งาน การสรรหา การคัดเลือก การบรรจุ การจ่ายค่าตอบแทน การประเมินพนักงาน อีกทั้งการพัฒนาและฝึกอบรม ตลอดจนสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่งองค์กรได้คำนึงถึงสิ่งที่กล่าวมาแล้ว และได้มีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในแต่หน่วยงาน เมื่อมีความต้องการเกิดขึ้น ทางองค์กรได้เตรียมแผนงานไว้เป็นอย่างดีแล้ว
  • ทำให้การจ้างพนักงานใหม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คือ ทางองค์กรได้มีการจัดเตรียมแผนงานในการสรรหาบุคลากรให้ทันต่อเวลา และมีคุณภาพ อีกทั้งมีความคุ้มค่าในเรื่องของค่าใช้จ่าย เนื่องจากว่าได้มีแผนงานไว้เป็นขั้นเป็นตอน ตามที่ได้ระบุไว้ในคู่มือระบบการสรรหาคน ตามระบบงานคุณภาพ ISO/IEC 17025 หรือ ISO 9000 ที่ทางองค์กรได้รับการรับรองจาก สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม
  • ส่งเสริมและพัฒนาโอกาสความเท่าเทียมกันของพนักงานในหน่วยงานต่าง ๆ ขององค์กร โดยที่ทางองค์กรได้ระบุนโยบายไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีระบบการพัฒนาบุคลากร และความเท่าเทียมกันไว้ในระบบคุณภาพ ISO/IEC 17025 หรือ ISO 9000 อย่างชัดเจน โดยมีการหมุนเวียนให้พนักงานได้เรียนรู้งานในแต่ละหน่วยงานอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้วย อีกทั้งยังได้รับการปรับเลื่อนตำแหน่งได้ตามความเหมาะสมด้วยการประเมินผลงาน อีกทั้งยังได้รับการพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ ตามที่ทางองค์กรได้จัดเตรียมไว้ทั้งภายในและภายนอกองค์กร
  • เป็นแนวทางในการวางแผนจัดสรรกำลังคนเฉพาะทางที่จำเป็น เช่น ให้การสนับสนุนแก่สถาบันการศึกษาที่จะได้ผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของหน่วยงาน กล่าวคือ ทางองค์กรได้มีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา คือ วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ และ วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี เพื่อแจ้งให้ทราบว่าทางองค์กรของเรานั้นต้องการอัตรากำลังคนในสาขาวิชาเครื่องมือวัดในแต่ละปีเท่าไร อีกทั้งพร้อมที่จะอนุมัติการให้ทุนแก่นักศึกษาเพื่อเป็นการสร้างบุคลากรให้แก่องค์กรโดยตรง ซึ่งจะทำให้ทางองค์กรสามารถคาดการณ์ถึงความพอเพียงในอัตรากำลังคนที่ต้องการได้ ซึ่งจะทำให้องค์การได้บุคลากรที่ดี มีความรู้ความสามารถสอดคล้องกับความต้องการขององค์กรด้วย สิ่งที่กล่าวมานั้นเราได้มาจากฐานข้อมูลในระบบ HRIS ขององค์กร
  • ทำให้องค์การสามารถดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต คือ การวางแผนทรัพยากรมนุษย์นั้น มีลักษณะเป็นระบบและเป็นกลไกที่ใช้ในการวางแผนและวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผล เพื่อให้ได้มาซึ่งบุคลากรที่ดีมีคุณภาพในสาขาต่าง ๆ ที่ต้องการ และให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงขององค์กรทั้งทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี อีกทั้งให้ทันกับความต้องการขององค์กร เพื่อให้สามารถดำเนินงานขององค์กรให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ได้วางเอาไว้
  • ทำให้องค์การมีแผนดำเนินการอย่างละเอียด คือ ทำให้องค์กรมีการดำเนินการด้านบุคลากรอย่างมีขั้นตอน เช่น การสรรหา การคัดเลือก การโอนย้าย การเลื่อนตำแหน่ง การออกจากงาน และกาฝึกอบรม เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งแผนงานเหล่านี้จะทำให้องค์การได้ทรัพยากรบุคคลที่มีทั้งปริมาณและคุณภาพด้วย
  • ทำให้องค์การสามารถวางแผนความก้าวหน้าในอาชีพของพนักงานในแต่ละกลุ่มงานและในแต่ละระดับได้ ซึ่งจะช่วยให้พนักงานมีความพึงพอใจในการทำงานกับองค์กร
  • ทำให้องค์การทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสมรรถนะของทรัพยากรมนุษย์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถปรับการใช้กำลังคนให้ยืดหยุ่นตามสภาพการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  • เป็นสิ่งเชื่อมโยงระหว่างการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้เข้ากับกระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ขององค์การ กล่าวคือ การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ที่ดี สามารถช่วยบุคลากรในองค์กรปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรที่วางไว้อย่างมีประสิทธิผล เช่น การเชื่องโยงข้อมูลของ HRIS เข้ากับข้อมูลของ CRM และระบบบัญชีขององค์กรเป็นต้น

Management Information

เป็นระบบที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและ สรุปผลให้อยู่ในรูปแบบของรายงานหรือกราฟต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถนำไปใช้พิจารณาในการจัดทำงบประมาณหรือวางแผนต่างๆ ได้ซึ่งโปรแกรมสามารถจัดทำงบประมาณค่าใช้จ่ายพนักงานประจำปีได้, ติดตามรายงานการใช้สวัสดิการมากที่สุด และ Cost ที่เกิดขึ้น, ออกรายงานวิเคราะห์จำนวนเงินที่พนักงานขอเบิก หรือ บริษัทจ่ายให้พนักงานไปเป็นรายปี, แสดงรายงานอัตรากำลังคนย้ายเข้า – ย้ายออกจากหน่วยงาน หรือ เข้างาน - ลาออก, เรียกดูรายงานวิเคราะห์ Cost ของการปรับเงินเดือนในแต่ละแผนกหรือหน่วยงานในแต่ละปี เพื่อนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายกำลังคนในปีต่อไปและยังสามารถเรียกดูรายงานวิเคราะห์การประเมินผลงานของพนักงานในแต่ละปีได้

รายงานในระบบ MIS

  1. สถิติการลาแยกตามหน่วยงาน
  2. สถิติการลาแยกตามประเภทการลา
  3. อัตรากำลังคนแยกตามหน่วยงาน
  4. อัตรากำลังคนเปรียบเทียบอัตรากำลังคนมาตรฐาน
  5. อัตราความเคลื่อนไหวกำลังคน
  6. ข้อมูล Productivity แต่ละหน่วงาน
  7. ข้อมูลเปรียบเทียบ Productivity แต่ละหน่วยงาน
  8. ข้อมูล Cost แต่ละหน่วยงาน
  9. ข้อมูลเปรียบเทียบ Cost แต่ละหน่วยงาน
  10. ข้อมูลเปรียบเทียบสถิติการขาด ลา สาย แต่ละหน่วยงาน

Knowledge Management

เป็นระบบที่ช่วยในการบริหารองค์ความรู้ขององค์กร โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาพนักงานที่มีความรู้ ความสามารถไม่อยู่ในบริษัท หรือลาออก ทุกปัญหา หรือทุกความรู้ สามารถเก็บลงในระบบนี้ได้ทั้งหมด ช่วยให้พนักงานที่เข้ามาใหม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพของพนักงานเก่าให้มีความรู้ ความสามารถเพิ่มมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดทรัพยากรในการฝึกอบรม โดยผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่

ตัวอย่างในบริษัท การบินไทย ได้เริ่มมีการนำ KM เข้ามาใช้ในส่วนต่าง ๆ แล้ว เช่น ระบบ Aircrew คือวิธีการจัดตารางบิน หรือในระบบครัวการบินไทยก็เริ่มมีการเก็บสูตรอาหารไว้อย่างเป็นระบบ แต่ที่เป็นรูปธรรมแล้วคือในฝ่ายพัฒนาทรัพยากรการบิน โดยเริ่มจากการนำเอาระบบ pilot e-learning มาใช้ในการจัดหลักสูตรการเรียนของนักบิน นักบินทุกคนจะต้องมีการ update ข้อมูลทางการบินอยู่ตลอดเวลา อาทิ สภาพภูมิประเทศ สภาพอากาศ ข้อควรระวัง ข้อควรปฏิบัติในแต่ละสนามบิน ในรูปแบบ Multimedia เป็นการเรียนรู้งานจากระบบฐานข้อมูล มีขั้นตอนของการทำงาน มีกรณีตัวอย่างจากผู้มีประสบการณ์ นอกเหนือจากนั้นยังมีเครื่องบินจำลอง (simulator) ไว้ให้ทำการฝึกได้ทุกสนามบินใน network และตามความต้องการ มีสถานการณ์จำลองต่าง ๆ ให้ฝึกหัด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดับ เครื่องไฟไหม้ การสูญเสีย pressurization เทคนิคการบินใน zone ต่าง ๆ ของโลก วิธีการ take off และ Landing ในทุกสถานการณ์ เทคนิคการตัดสินใจในสถานการณ์ต่าง ๆ ฯลฯ รวมถึงสถานการณ์ที่กัปตันอาจต้องดูแลในฐานะ Pilot in Command เช่น ผู้โดยสารเมา ผู้โดยสารป่วย ผู้โดยสารคลอดบุตร และปัญหาต่าง ๆ ซึ่งได้รวบรวมไว้อย่างเป็นระบบใน syllabus ของแต่ละ aircraft type เป็นทั้ง แบบ text, multimedia และ visual นักบินสามารถเข้าไป search ดูได้โดย login เข้าไปในระบบใส่ personal number และ password เลือก function ตามที่ต้องการทราบ ประโยชน์คือ ครูผู้ฝึกก็จะสามารถติดตาม tracking ได้ว่านักบินคนใดเข้าศึกษาในระบบกี่ชั่วโมง ครบชั่วที่ required ใน syllabus หรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบความรู้ของนักบินได้จากคำถามที่ให้ตอบว่านักบินเข้าใจหรือไม่ เป็นต้น ระบบจะสามารถสรุปผลให้กับหน่วยงานได้เป็นรายสัปดาห์ ทำให้สามารถติดตามการเรียนรู้ของนักบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้ดูว่านักบินคนใดต้องเพิ่มเติมความรู้ในด้านที่บกพร่อง เป็นการเพิ่มศักยภาพของการทำการบินให้ทำการบินให้ได้อย่างน้อยเท่ากับมาตรฐานสากลหรือสูงกว่า ทั้งนี้ระบบสามารถเชื่อมต่อไปยัง ERP ของบริษัทได้เพื่อดูว่านักบินคนใดมีศักยภาพที่จะพัฒนาให้ไปทำงานในหน้าที่ในด้านบริหารอื่น หรือเป็นครูฝึกได้ในอนาคต เป็นข้อมูลที่เก็บไว้ใน database ของพนักงาน เป็นต้น

Audit & Internal Control

เป็นระบบการตรวจสอบข้อมูล และการควบคุมภายในเพื่อให้สามารถที่จะทำการตรวจสอบข้อมูลของกิจการให้มีความถูกต้อง และช่วยควบคุมระบบการทำงานของกิจการให้มีการทำงานที่เป็นระบบ มีการควบคุมภายในที่ดีได้ หรือแม้แต่ระดับผู้บริหารเอง ก็ยังสามารถตรวจสอบข้อมูลภายในของกิจการ ได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตภายในองค์กร เช่น ฝ่ายบัญชี สามารถทำการตรวจสอบระบบ Payroll ในแต่ละสาขาได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังข้อมูลที่ถูกแก้ไขได้ถ้ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

ส่วนในฝ่ายอื่น เช่น ฝ่ายบริการทางเครื่องมือนั้น เราก็ยังสามารถทำการตรวจติดตามเพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานตามระบบของบริษัท เช่น ISO17025 โดยเราสามารถทำการดังกล่าวได้จากสำนักงานใหญ่ไปยังในแต่ละสาขาโดยผ่านระบบ on-line และเครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกที่ได้จัดเตรียมไว้ อีกทั้งยังสามารถออกรายงานผลการตรวจได้ตามความต้องการของผู้ประเมิน เป็นต้น ซึ่งทำให้ลดต้นทุนและประหยัดเวลา สามารถทำการตรวจติดตามได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

Security

เป็นระบบความปลอดภัยของโปรแกรม HRIS ที่สามารถกำหนดผู้เข้าใช้ระบบ เพื่อป้องกันการใช้โปรแกรมจากผู้ไม่มีสิทธิ์ โดยมีการกำหนดรูปแบบที่เป็นสัดส่วน, สามารถกำหนดบทบาท หน้าที่ (Role) ให้กับผู้ใช้งาน เพื่อให้ทราบได้ว่าผู้ใช้แต่ละคนนั้นอยู่ในบทบาทใด และมีหน้าที่อะไร, สามารถเข้าถึงและใช้งานระบบใดและหน้าจอใดได้บ้างซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบรักษาความปลอดภัยของโปรแกรม, สามารถกำหนดให้ผู้ใช้มีสิทธิ์แก้ไข Columns บาง Columns หรือไม่ไห้แก้ไข และ สามารถที่จะกำหนดได้ว่าจะให้ผู้ใช้นั้นๆมองเห็นได้ในบาง Columns หรือทั้งหมดในหน้าจอนั้น และ สามารถกำหนดได้ว่าจะให้ผู้ใช้แต่ละคนสามารถ login เข้าใช้งานเวลาใดได้บ้าง วันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร หรือสัปดาห์ที่เท่าไหร่ของเดือน

ประโยชน์ของการนำ HRIS มาใช้คือ

  1. ทำให้ HR สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ และลดงานประจำที่ไม่ได้เพิ่มคุณค่าให้กับองค์กรโดยรวม โดยมีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น การลดต้นทุน/ROI ได้รับผลตอบแทนหรือมูลค่าเพิ่ม ขยายงาน/เพิ่มการผลิต ประสิทธิภาพของคนสูงขึ้น
  2. พนักงานและผู้บริหารจะได้รับการ บริหารและคำปรึกษาในงาน HR ที่รวดเร็ว และมีคุณภาพ ก่อให้เกิดความพึงพอใจและทำให้ HR ได้รับความเชื่อถือไว้วางใจในองค์กร
  3. งานด้านบริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้กำลังพลน้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในงานบริการพนักงานและการดำเนินกระบวนการทาง HR น้อยลง เนื่องจาก ลดการให้บริการข้อมูลแบบ Manual ลดเวลาในการให้บริการของเจ้าหน้าที่ ลดเอกสารรายงานเพื่อส่งข้อมูลให้ดูย้อนหลัง
  4. ข้อมูลออนไลน์ ทำให้เจ้าหน้าที่ HR ไม่ต้องรอข้อมูลสำคัญจากหน่วยงาน และอนุญาตให้พนักงานสามารถแก้ไขของตนเองได้ตลอดเวลา
  5. เป็นประโยชน์ต่อบริษัทในการพัฒนา เครื่องมือในการบริหาร งานบุคคลในอนาคต เช่น การปรับปรุงโครงสร้างเงินเดือน ที่แข่งขันได้ในตลาดแรงงาน การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพต่อการใช้และพัฒนาบุคลากร
  6. ช่วยให้บริษัทมีข้อมูลรวมโดยละเอียดเกี่ยวกับบุคลากร เพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจ
  7. ช่วยให้งานในศูนย์บริการพนักงานรวดเร็ว มีประสิทธิภาพดีและถูกต้องแม่นยำ
  8. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษา บำรุง และพัฒนาระบบบริหารข้อมูลบุคลากรโดยรวม
  9. งาน HRจะถูกพลิกโฉมหน้าให้มามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนบริษัทไปข้างหน้า และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญต่อการดำเนินงาน
  10. การบริหารการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices)
  11. การบริหารคุณค่า (Values Based)
  12. พัฒนาความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skills) ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
  13. การจัดเก็บและรวบรวมความรู้ (Collective Knowledge)
  14. การสร้างฐานความรู้ขององค์กรแห่งการเรียนรู้ (Knowledge – based Learning)

สรุป

การนำระบบ HRIS มาใช้นั้นสามารถทำให้การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของเรามีความรวดเร็วขึ้น ลดต้นทุนในระยะยาว บุคลากรของเราสามารถเข้าไปใช้งานฐานข้อมูลส่วนกลางขององค์กรได้จากทุกหนแห่ง โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในบริษัทก็ได้ หรืออยู่ยังสาขาใดของบริษัทก็ได้เช่นกัน อีกทั้งยังมีระบบป้องกันความปลอดภัยของข้อมูล โดยมี user login และ Password และยังมีการกำหนดสิทธิในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้วย อีกทั้งการทำงานของตัวโปรแกรมนั้นมีการเชื่องโยงข้อมูลในส่วนต่าง ๆ ของแต่ละโมดูลเข้าด้วยกัน เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ไม่ซ้ำซ้อน ซึ่งให้ได้มาในสิ่งที่องค์การต้องการอีกด้วย ดังนั้นการเลือกใช้ระบบ HRIS หรือ ERP ควรจะเลือกให้เหมาะสมกับองค์กรของเรา และต้องคำนึงถึงการขยายตัวทางธุระกิจในอนาคตขององค์กรด้วย

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

Sleepy

คลายเครียดน่ะครับ

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

สิ่งธรรมดาคือสิ่งพิเศษ บทความของ วนิษา เรซ (คุณหนูดี)

อ่านบทความนี้แล้วจะรู้สึกรักตัวเองขึ้นอีกเยอะ หนูดีเขียนได้ดีมากนะ


********************

สิ่งธรรมดาคือสิ่งพิเศษ

เรื่อง วนิษา เรซ

คัดลอกจาก Post Today

บางครั้งในชีวิตประจำวัน เรารู้สึกว่ามีหน้าที่หลายอย่างที่เรา “ต้อง” ทำ ทั้งๆ ที่ขี้เกียจแสนขี้เกียจ หรือเหนื่อยแสนเหนื่อยแล้วจากการทำงาน เช่น การล้างจาน การท่องหนังสือ การจดจ่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์
แถมพ่อแม่หลายท่านในปัจจุบันนอกจากทำงานเหนื่อยแล้วยังต้องมานั่งรับส่งลูกเรียน พิเศษเสาร์อาทิตย์อีก...เวลานั่งรอบางครั้งก็เหนื่อยจนลืมชื่นใจความเก่งความน่ารักของลูก

สิ่งของเหล่านี้ดูธรรมดาและดูเหมือนเป็น “หน้าที่” ที่เราต้องกระทำ ทั้งๆ ที่บางครั้งทำให้เราหงุดหงิดพอควรเลย...ตัวหนูดีเป็นคนเกลียดการล้างจานมาก เพราะไม่ชอบความเหนอะของคราบอาหารและความสากมือหลังจากล้างจานเสร็จ ถึงขนาดมีกฎประจำใจเลยว่าผู้ชายคนไหนจะมาขอหนูดีแต่งงาน หนูดีจะให้ล้างจานให้ดูก่อน...แถมอาจมีการเซ็นสัญญากันว่า หนูดียินดีทำอาหารทุกชนิดแต่ฝ่ายชายต้องรับอาสาเป็นผู้ล้างจาน...จนกระทั่งวันหนึ่งหนูดีได้ไปปฏิบัติธรรมในวิถีเซน การไปอยู่วัดครั้งนั้น ทุกคนต้องล้างจานเอง...พระสอนว่า เวลาล้างจานเราต้องการอะไรจากการล้างจาน...คำตอบของพวกหนูดี คือ เราต้องการให้จานสะอาด (แหม ถามอะไรตอบง่ายอย่างนี้ ก็มันชัดเจนอยู่แล้วใช่ไหมคะ)...แต่ท่านบอกว่า ตอบผิดค่ะ ...อ้าว ถ้าไม่อยากให้จานสะอาดแล้วจะล้างไปทำไมคะ หนูดีงงมาก...ท่านตอบว่า จากนี้ไป ขอให้ล้างจานเพื่อล้างจานได้ไหม...

ทำไมต้อง “ล้างจานเพื่อล้างจาน” กว่าหนูดีจะเข้าใจและทำได้ก็ผ่านไปจากนั้นนานแสนนาน และทุกวันนี้หนูดีก็ยังฝึกเป็นประจำ...เคล็ดอยู่ตรงนี้เองค่ะ หากเราล้างจานเพื่อต้องการให้จานสะอาด ก็เหมือนกับเราโยนทิ้งปัจจุบันแล้วรอให้ความสุขเกิดขึ้นในอนาคต แต่ปัจจุบันคือความทุกข์ที่ต้องอยู่กับจานสกปรก เราจะมีความสุขก็ต่อเมื่อจานสะอาดแล้วเท่านั้น ...สรุปว่าใช้ชีวิตแค่กับเป้าหมาย รอให้เป้าหมายเป็นผลแล้วค่อยยอมปล่อยใจให้เป็นสุข แต่หากเราเปลี่ยนมาเป็นทำใจให้สุขในขณะล้างจาน จิตจดจ่ออยู่กับน้ำ ฟองน้ำและจาน...เป็นสุขอยู่ตรงนั้น ซึ่งหลังจากครั้งแรก พระท่านก็สอนที่สูงขึ้นไปอีกว่า จินตนาการดูสิว่าจานเป็นพระพุทธรูปและเรากำลังชำระล้างท่านให้สะอาดอยู่...น่ารักมากเลยค่ะ ไม่เห็นต้องรอวันสงกรานต์แล้วค่อยสรงน้ำพระ ถ้าคิดอย่างนี้ได้ ความสุขเล็กๆ ก็เกิดขึ้นได้ตลอดวัน

ในการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและมีความสุข...หนูดีคิดว่า เราต้องแยกให้ออกระหว่างวิถีและเป้าหมายก่อน ...คนส่วนใหญ่มักเอาความสุขไปผูกไว้กับ “เป้าหมาย” แต่หลงลืมว่า เวลาเกือบทั้งหมดในชีวิตอยู่ที่ “วิถี” ในการไปถึงเป้าหมายนั้น เหมือนเมื่อก่อนหนูดีตั้งเป้าไว้ว่า จะเรียนให้ได้คะแนนดีๆ ให้ได้เกียรตินิยม...และระหว่างภาคเรียนจะต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหนหนูดีไม่มีหวั่นเพราะเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก...พอสอบเสร็จโล่งอกสบายใจ ได้เกรดดีๆ ก็ดีใจอยู่แผล็บเดียวเดี๋ยวก็เปิดเทอมอีกแล้ว...จะเป็นจะตายต่อไปอีกเทอม...พอมาดูจริงๆแล้วเรียนปริญญาตรีเราจะได้เห็นเกรดตัวเองหลักๆ ก็ 8 ครั้ง โอ้โห เวลา 4 ปี จะยอมให้ตัวเองมีความสุขใหญ่ๆ แค่ 8 ครั้ง ก็ดูเป็นชีวิตที่เศร้าสร้อยไปหน่อยนะคะ

ดังนั้น การกลับมาปรับ “วิถี” ให้เรามีสุขขึ้นในระหว่างทางกลับทำให้ดัชนีความสุขมวลรวมของชีวิตเราพุ่งสูงขึ้นอีกมาก เมื่อหารเฉลี่ยแล้วทั้งชีวิตเราน่าจะมีความสุขขึ้นอีกมากนะคะ ...เดี๋ยวนี้หนูดีเลยมีกฎในการใช้ชีวิตว่า “วิถีคือเป้าหมาย” พูดง่ายๆ ว่า การทำใจให้สุขเป็นประจำวัน มีสุขในวิถี นั่นแหละคือเป้าหมายของหนูดี ส่วนเป้าหมายใหญ่ๆ ภายนอกก็ยังมีอยู่ค่ะ ไม่ได้ทิ้งหายไปไหน หนูดียังคงวางแผนชีวิตและมีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่เช่นเดิม...อาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะเป้าหมายเหล่านั้นไม่ได้เป็นประโยชน์เฉพาะตัวหนูดีคนเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่ยังรวมคนอื่นๆ ในสังคมเข้ามาอีกด้วย และหนูดีไม่รอให้“เป้าหมายสำเร็จ” แล้วค่อยเป็นสุข...ไม่มีกฎอะไรกำหนดนี่คะว่าต้องรอ ก็เลยขอเป็นสุขเรื่อยๆ ดีกว่า

ท่าน ติช นัท ฮันท์ พูดเรื่องนี้ไว้ดีมาก...หนูดีเอามาเขียนเตือนใจตัวเองหน้าหนังสือ “ขอบคุณสรรพสิ่ง” ที่เขียนก่อนนอนเลยค่ะว่า “ปาฏิหาริย์ไม่ใช่การเดินบนน้ำ หรือบินอยู่บนอากาศ แต่ปาฏิหาริย์คือการเดินอยู่บนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว” หนูดีเห็นด้วยอย่างมาก เพราะชีวิตเราเต็มไปด้วยเรื่อง “ธรรมดา”เช่น ตื่นมาอาบน้ำ แปรงฟัน ขับรถไปทำงาน กินอาหารเที่ยงกับเพื่อนในที่เดิมๆ ตอนเย็นกลับมาก็เห็นหน้าภรรยาหรือสามีคนเดิมๆ ใส่ชุดธรรมดาๆ...หน้าตาเราหรือก็ธรรมดาๆ...ใช่ค่ะ เราส่วนใหญ่แล้วก็เป็นคนธรรมดาๆ มีชีวิตธรรมดาๆ กันทั้งนั้น แต่ถ้าความ “ธรรมดา” นี้หมดไปล่ะคะ เช่น อยู่ดีๆ ลูกเราเกิดเป็นมะเร็งเม็ดเลือด
ขาว หรือสามีเราถูกรถชนตาย หรือเราถูกไล่ออกจากงานที่เราเบื่อแสนเบื่อ...เรื่องก็จะ “ไม่ธรรมดา” ไปในทันที และในเวลานั้นเอง เราจะหวนมาคิดเสียดายความ “ธรรมดา” จนใจแทบจะขาด...หนูดีไม่ได้พูดเองเออเองนะคะ

แต่เพราะหนูดีอยู่ในอาชีพที่ได้เห็นความพลัดพรากสูญเสียในครอบครัวมาเยอะมาก จนเกิดเป็นกฎประจำใจเลยว่า ให้เรารีบชื่นชมกับความ “ธรรมดา” ที่เรามีและใช้ชีวิตประหนึ่งว่า สิ่งนั้นคือสิ่งมหัศจรรย์ของจักรวาล เพราะสิ่งธรรมดาๆ แท้จริงแล้วคือ สิ่งที่พิเศษที่สุดแล้วค่ะ วันนี้ หนูดีขอชวนแฟนๆ คอลัมน์ลองมองหาสิ่งธรรมดาๆ สักสองสามสิ่งที่เรามองข้ามไปแล้วลองคิดขอบคุณเขาไหมคะ เช่น วันนี้เราไม่ปวดฟันเลย ขอบคุณฟันที่อยู่อย่างปกติหรือวันนี้ลูกของเรายังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า เรามีความสุขจัง หรือแม้แต่วันนี้รถของเรายังไม่ถูกชน โชคดีจังเลย...เรื่องสุดท้ายนี่หนูดีคิดเป็นประจำเลยค่ะ เพราะในโลกนี้ หนูดีเป็นหนึ่งในคนที่รถชอบโดนชนประจำขนาดขับช้าเหมือนเต่าคลาน ดังนั้น หากวันไหนรถหนูดีอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แค่ได้มองเห็น ก็เป็นสุขแล้วค่ะ ...สุขสันต์วันธรรมดาๆ อีกวันหนึ่งนะคะ ขอให้ทำงานอย่างเป็นสุขค่ะ

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

มนต์เสน่ห์แห่งเพชร

ตำนานแห่งเพชร...เรื่องราวของมนุษยชาติที่น่าหลงใหล
ประกายระยิบระยับของเพชรดึงดูดความสนใจของมนุษย์มานานทุกยุคทุกสมัย ด้วยความงามอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นความหามนต์เสน่ห์และความลี้ลับ, หรูหรา, ความรัก และความงามโดดเด่น จึงทำให้เพชรถูกขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งอัญมณี


ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเพชร

กว่าล้านปีก่อนจะก่อกำเนิดเกิดมา ค้นหาความอมตะของเพชร


ขอต้อนรับสู่ศูนย์ข่าวสารเพชร ณ ที่นี่ คุณสามารถค้นหาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ

ความงามอันบริสุทธิ์ที่ก่อกำเนิดจากธรรมชาติ...เพชร

อัญมณีอันสวยงามที่บ่งบอกถึงความรักอันยิ่งใหญ่

เพชร...เลอค่าอมตะ
การค้นหาและเลือกซื้อเพชรในฝันเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและประทับใจ เพราะเพชรคือสุดยอดอัญมณีอันทรงคุณค่า ที่ก่อกำเนิดจากความงามอันบริสุทธิ์ของธรรมชาติ
ดังนั้นการเริ่มต้นด้วยการศึกษาและเข้าใจคุณลักษณะสำคัญทั้งสี่ของเพชรจึงเป็นสิ่งสำคัญ

หลักการ 4C’s ของเพชร
ทำความเข้าใจเรื่องราคา
หลักพื้นฐานของคุณสมบัติสี่ประการของเพชร

ความเข้าใจผิดเรื่องฮวงจุ้ย

สารพัดความเชื่อที่ไม่ถูกต้องที่ปะปนอยู่ในวิชาฮวงจุ้ย

หลังจากที่อาจารย์มาศได้หันมาทุ่มเทศึกษาวิชาฮวงจุ้ยอย่างเอาจริงเอาจังกว่า26ปี
โดยเดินทางไปเรียนกับปรมาจารย์ทางฮวงจุ้ยระดับโลกอีกหลายท่าน
จนสามารถ
ทำความเข้าใจถึงได้อย่างลึกซึ้งและพบว่าแท้ที่จริงแล้ว
วิชาฮวงจุ้ยนั้นมีหลักการที่
เป็นวิทยาศาสตร์และมีเหตุผลในเชิงตรรกวิทยารองรับ
ไม่ใช่เรื่องของความเชื่อ
ในทางไสยศาสตร์อย่างที่คนทั่วไปเข้าใจกันดังเช่น


1.เสือคาบดาบแก้ทางสามแพร่งได้หรือไม่

อันที่จริงแล้ว...เสือคาบดาบไม่ใช่อุปกรณ์ในวิชาฮวงจุ้ยแต่เพิ่งริเริ่มนำมาใช้กัน
ไม่เกิน
40–50ปีนี้เองโดยซินแสที่ไม่ได้เข้าใจหลักวิชาฮวงจุ้ยอย่างถ่องแท้ เช่น
แก้ไขปัญหาเหตุร้ายของบ้านที่อยู่ทางสามแพร่งไม่ตกคิดว่าเป็นทางผ่าน
ของวิญญาณ
จึงนำความเชื่อทางไสยศาสตร์ว่าเสื้อเป็นสัตว์ดุร้าย

หากนำหน้าเสือมาติดจะช่วยไล่วิญญาณร้ายได้ก็ไม่ก็ใช้ภาพโป็ยข่วยมาติดแทน
แท้จริงแล้วทางสามแพร่งไม่ได้ร้ายเสมอไปเป็นเพียงถนนที่พุ่งตรงเข้ามาทำให้
ลมพัดเข้าบ้านแรงกว่าปกติ
ซึ่งถ้าเข้ามาทำมุมกับบ้านในองศาที่ไม่ดีก็จะทำให้
้เกิดเรื่องวิบัติขึ้นกับคนในบ้านในปีนั้นโดยการแก้ไขที่ถูกต้อง
จะต้องคำนวณ
พลังชี่ว่าเป็นธาตุใด ก็ให้นำวัตถุธาตุนั้นมาแก้ไข เช่น
หากเป็นพลังชนิดที่ 5
(ธาตุดินอมไฟ) อาจใช้ กระดิ่งโลหะธาตุทองแขวนในทิศนี้สลายพลัง หรือ
ถ้าเป็นพลังธาตุน้ำเข้ามา
ก็อาจต้องใช้สีเขียวทาแก้ไข

หากทิศนั้นชอบกระแสเคลื่อนไหวของพลังงานการพบทางสามแพร่งพุ่ง
ใส่อาคาร
กลับจะนำความรุ่งเรืองมาให้อีกหลายเท่าตัว

2.การตั้งเจ้าที่(ตี่จู๋เอี๊ย)จำเป็นหรือไม่

เจ้าที่ไม่ได้มีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของผู้อยู่อาศัยและไม่ไช่เรื่องของวิชา
ฮวงจุ้ยโดยตรง
แต่เหตุผลที่ซินแสในอดีตแนะนำให้ลูกค้าตั้งเจ้านั้นเป็นสิ่งที่มี
ภูมิปัญญาอันแยบยลซ่อนอยู่เบื้องหลัง
เนื่องจากคนที่ค้าขายส่วนใหญ่ก็มัก
คิดแต่จะเอาเปรียบลูกค้า
หากซินแสจะสอนเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตลูกค้า
ฟังตอนเช้าพอบ่ายก็ลืมหมด
จึงได้แนะนำให้ตั้งตี่จู๋เอี๊ยโดยบอกว่าให้ตั้งใจ
ค้าขายอย่าโกงลูกค้า
เมื่อวันตรุษจีนเจ้าที่ก็จะขึ้นไปรายงานกับเง็กเซียนฮ่องเต้
ประทานรางวัลให้
หากเอาเปรียบลูกค้าก็จะถูกลงโทษทุกครั้งที่ลูกค้าหันไปเห็น
เจ้าที่ตั้งอยู่
ก็จะคิดถึงคำสอนขึ้นมาได้ไม่คิดคดเอาเปรียบใครซึ่งถ้าตั้งใจค้าขาย
บริการลูกค้าด้วยความจริงใจซื่อสัตย์สุจริตลูกค้ามีความประทับใจ
ก็แนะนำคน
มาใช้บริการเพิ่มขึ้นธุรกิจการค้าก็จะค่อยๆมีความเจริญก้าวหน้าขึ้นมาได้
ลอง
คิดความเป็นจริง
ฝรั่งต่างชาติไม่เคยตั้งเจ้าที่ในบ้านทำไมจึงมีความเจริญรุ่งเรือง
ขึ้นมาได้
ในขณะที่บ้านเราตั้งเจ้าที่ทุกบ้านถึงช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำไม่เห็น
มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนมาช่วยเตือนท่านให้รอดพ้นวิกฤติได้

แต่ถ้าเจอเจ้าของบ้านเป็นคนจีนรุ่นเก่าที่เชื่ออย่างฝังหัวผมก็จะแนะนำให้
้ตั้งตี่จู๋เอี๊ยในจุดที่ต้องการพลังธาตุไฟเพราะเป็นสีแดงแถมจุดไปบ่อยๆก็
สามารถกระตุ้นพลังได้


3.ตั้งฮกลกซิ่วแล้วจะทำให้รวยจริงหรือไม่

ในสมัยโบราณมีคนจีน 3 คน ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงส่ง 3 ด้าน
โดยคนที่หนึ่งร่ำรวยเหมือนทักษิณเพราะตั้งใจทำมาหากินด้วยความเฉลียว
ฉลาด
ละเอียดรอบคอบซื่อสัตย์ต่อลูกค้าทำให้เจริญรุ่งเรืองเหนือธรรมดา
ส่วนคนที่สองตั้งใจรับใช้บ้านเมืองและประชาชนจนได้รับการปูนบำเหน็จ
แต่งตั้งเป็นมหาอำมาตใหญ่เปี่ยมด้วยอำนาจวาสนา
ส่วนคนสุดท้ายรู้จัก
ดูแลสุขภาพจิตสุขภาพกายจนมีอายุยืนกว่าคนทั่วไป
แถมมีลูกเต็มบ้าน
หลานเต็มเมือง

คนจีนจึงได้คิดปั้นรูปท่านทั้ง3ข้ึ้นมาเพื่อใช้เป็นตัวแทนความสำเร็จในชีวิต
ทั้ง
3ด้านเพื่อไว้เตือนใจตนให้ตั้งใจบริหารชีวิตของตัวเองทั้ง3ด้านให้ดี
คื
อต้องตั้งใจทำงานให้เจริญรุ่งเรืองหลังจากมีแล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะช่วย
เหลือสังคม
และสุดท้ายก็ต้องหมั่นดูแลให้มีสุขภาพดีอารมณ์แจ่มใส

ไม่ใช่มัวแต่บ้างานหรือหาเงินอย่างเดียวเท่านั้นคือเรียกว่ามีทั้งฮกลกซิ่วนั่นเอง
ไม่ใช่ว่าตั้งตุ๊กตาฮกลกซิ่วอย่างเดียวแล้วจะรวยได
ไม่อย่างนั้นร้านที่ขายฮกลกซิ่ว
ซึ่งมีเป็นร้อยๆองค์
คงได้รวยใหญ่จนล้ำหน้าบิลเกตต์ไปแล้ว!

4.ที่ดินหน้าแคบหลังกว้างเป็นรูปถุงเงินฮวงจุ้ยดีจะเก็บเงินอยู่

เรื่องนี้เป็นเรื่องกฎระเบียบของประเทศจีนในอดีตที่เขาจัดเก็บภาษีตามหน้ากว้าง
ของที่ดิ
บ้านไหนที่ดินหน้าแคบก็จะเสียภาษีน้อยจึงมีเงินเหลือเก็บส่วนปัจจุบันที่หน้าแคบๆ
คนไม่ชอบ ขายไม่ได้ราคา
คนขายจึงพยายามยกกฎเกณฑ์ฮวงจุ้ยเรื่องนี้มา
อ้างเพื่อช่วยให้ขายได้ง่ายขึ้น


5.ห้องน้ำอยู่กลางบ้านหรืออยู่ในห้องนอนทำให้ฮวงจุ้ยเสีย

ถ้าใครเคยไปเมืองจีนคงพอทราบว่าห้องน้ำในสมัยก่อนนั้นเหม็นและสกปรก
ขนาดไหน
เต็มไปด้วยเชี้อโรคและกลิ่นอันชื้นหากอยู่กลางบ้านไม่มีแสงแดดมา
ช่วยฆ่าเชื้อโรคบ้างคนที่อยู่คงเสียสุขภาพ
แต่ห้องน้ำในปัจจุบันมีสุขอนามัยดี
กว่าในอดีตมาก
ห้องน้ำจะตั้งที่ใดก็ไม่ส่งผลร้ายต่อผู้พักอาศัยของเพียงแต่ทิศ
นั้นพลังไม่ขัดกับธาตุน้ำเท่านั้น


6.เลขที่บ้านและทะเบียนรถยนต์มีผลกับชีวิตหรือไม่

ตัวเลขเป้นสิ่งที่มนุษย์สมมุติขึ้นมาไม่ได้เกี่ยวกับพลังธรรมชาติแต่อย่างใด
จึงไม่ได้ส่งผลบวกหรือลบต่อคนโดยตรง
แต่ละชาติก็มีคตินิยมความชอบตัวเลข
แตกต่างกันเป็นคนไทยไม่ชอบเลข
6 เพราะฟังดูเหมือนหกหมดเสียหาย
ส่วนคนจีนบอกว่าเสียงเหมือน ฮก ลก ซิ่ว เป็นมงคลมาก
แล้วจะเชื่อใครดี
เหมือนเรื่องชื่อต้นไม้
เวลาที่คนขายคิดจะส่งเสริมให้ต้นไม้ขายดีก็จะเปลี่ยน
ชื่อต้นไม้จากชื่อที่ชาวบ้านเรียก
มาเป็นชื่อที่หรูหราเป็นมงคล อย่างเช่น
เพชรร้อยล้าน ว่านมหาเศรษฐี ฯลฯ ไม่ทราบว่า
หลังจากซื้อมาปลูกแล้ว
ใครรวยระหว่างคนซื้อกับคนขาย


7.ไม้บรรทัดที่แสดงระยะมงคลจริงหรือไม่

เรื่องระยะมงคลนี้มาจากตำราหลู่ปังซึ่งเป็นช่างไม้ในวังหลวงแต่มีข้อ
น่าสงสัยคือในตำราเล่มนี้กลับมีคำศัพท์บางตัว
ที่เป็นคำของยุคหลังจาก
หลู่ปังเกือบพันปี
เหมือนบอกว่าในหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง
มีคำว่าโลกาภิวัฒน์
อย่างไรอย่างนั้นแท้จริงแล้วน่าจะเป็นกลยุทธ์ของ
ช่างไม้ในการยกระดับภาพพจน์จากการเป็นแค่คนงานก่อสร้างมาเทียบ
เท่าซินแสฮวงจุ้ยเสียมากกว่า
คือถ้าช่างคนไหนมีวิชาดีเจ้าของบ้านก็
็เกรงใจบริการดี และเรียกร้องค่าตัวได้มาก
เป็นเทคนิคทางมาร์เก็ตติ้ง
ดีๆ นี่เอง
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของฮวงจุ้ยแต่ประการใด

เพราะฮวงจุ้ยเป็นเรื่องวิชาการบริหารพลังธรรมชาติให้มาเสริมพลัง
ของคนเช่น
ถ้าจุดนั้นของบ้านเป็นทิศที่พลังดีก็ควรเปิดให้กว้างที่สุด
เพื่อให้พลังเข้าได้สะดวก

ไม่ใช่ต้องระยะเท่านั้นจึงจะดีหรือคุณคงเคยเห็นโต๊ะเก้าอี้ที่ออกแบบ
ตามหลักไม้บรรทัดมงคลที่บางสำนักทำขาย
จะพบว่าขนาดจะสูงกว่า
ปกติจนนั่งไม่สบายถ้าต้องใช้ทุกวันจะนั่งคิดงานที่ดีออกมาสร้าง
ความสำเร็จได้อย่างไร


8.ต้องมีธรณีประตูเพื่อดักโชคลาภหรือไม่

ไม่จำเป็นและไม่ใช่หลักฮวงจุ้ยโดยตรงแต่เหตุผลที่บ้านส่วนมาก
ที่เมืองจีนในอดีตต้องมีธรณีประตู
เพราะเวลาสร้างบ้านไม่ได้มีการ
ถมที่(ซึ่งก็ต้องเห็นใจ
สมัยก่อนไม่มีรถแทรกเตอร์ขุดดินมาถมและ
บดอัดดิน)เวลาที่ฝนตกหนักน้ำจะท่วมเข้าบ้าน
จึงต้องสร้างธรณี
ประตูขึ้นมากันไม่ให้น้ำไหลเข้าบ้าน
แต่ถามว่าถูกหลักฮวงจุ้ยหรือ
ไม่ตอบให้ได้เลยว่า
ถ้าองศาทิศทางนั้นเป็นพลังที่ดีแล้วกำลัง
เข้ามาทางด้านหน้าบ้าน
แต่กลับไปสร้างอะไรมาปิดกั้นก็จะทำให้
พลังดีไม่สามารถเข้าได้สะดวก
พลอยทำให้โชคลาภและโอกาส
ทางธุรกิจสูญเสียไปแต่ถ้าทิศนั้นคำนวณพบว่าเป็นพลังร้าย
การ
มีธรณีประตูมากั้นพลังถือว่าเป็นอุปกรณ์แก้ฮวงจุ้ยที่มีประสิทธิภาพ


(ส่วนจะคำนวณอย่างไรว่า ทิศไหนดีหรือร้าย ให้ดูในบทที่เกี่ยวกับ
การคำนวณพลังของสำนักที่เกี่ยวกับทิศทาง)

9.การตั้งสิงโตหินหรือสำริดจะช่วยแก้ฮวงจุ้ยได้อย่างไร

ในสมัยโบราณซินแสแนะนำให้ใช้สิ่งโตหินหรือโลหะตั้งเพื่อแก้ไข
กรณีที่บ้านอยู่ตรงทางสามแพร่ง
ช่องลมหรือมุมแหลมตึกเพราะสิ่ง
เหล่านี้จะเป็นตัวเร่งกระแสลมให้พัดนำเอาพลังเข้ามามากขึ้น
ซึ่งถ้า
ปีใดเป็นพลังร้ายก็จะส่งผลร้ายต่อผู้อยู่อาศัยอย่างรุนแรง
จึงต้องหา
วัตถุที่ใหญ่ๆหนักๆมาตั้งขวางกระแสพลังไว้(สิงโตหินสมัยก่อนสูงใหญ่
่จริงๆ)แต่แนะนำให้เจ้าของบ้าน
หาเป็นรูปสิงโตเพราะตั้งแล้วดูสง่าดี
เหมือนของตกแต่งที่ดูเข้ากับแบบบ้านแนวจีนในสมัยนั้น
แต่ซินแสรุ่นหลัง
ไม่ได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงไปคิดเอาว่าสิงโตเป็นสัตว์วิเศษ
สามารถแก้พลังร้ายได้จึงเอามาใช้เป็นอุปกรณ์แก้ฮวงจุ้ย
โดยไปทำย่อลง
เป็นขนาดเล็กๆจุ๋มจิ๋มน่ารักเอาไปติดกันทั่วบ้านทั่วเมืองซึ่งเป็นสิ่ง
ที่ไม่มีประโยชน์อะไร


หมายเหตุ

การตั้งที่ถูกหลักจะต้องคำนวณกระแสที่พุ่งมาว่าเป็นพลังดีหรือ
ร้ายหากสามแพร่ง
หรือช่องลมนั้นเป็นพลังที่ดีก็ไม่ควรเอาอะไร
ไปตั้งขวาง
เพราะทิศสามแพร่งที่ดีนั้นอยู่แล้วจะเจริญรุ่งเรืองอย่าง
ผิดหูผิดตา
แบบพลิกชีวิตเลยทีเดียวแต่ถ้าเป็นพลังร้ายจึงควรที่จะ
หาอะไรมาปิดหรือขวางกระแสไว้
รวมทั้งต้องรู้ว่ากระแสที่พุ่งมานั้น
เป็นธาตุอะไรถ้าเป็นธาตุไฟ(เช่นพลังชนิดที่
9หรือทิศใต้)ก็ควร
ที่จะตั้งสิงโตหินซึ่งเป็นธาตุดินเพื่อถ่ายเทพลังไฟ
หากพลังร้ายเป็น
ธาตุดินก็ต้องเลือกสิงโตที่เป็นโลหะ
เพื่อถ่ายเทพลังดินออก
จะได้ไม่เหลือพลังร้ายมาสู่คนเหมือนอย่างความเชื่อผิดๆ
ของสำนักงาน
ใหญ่ธนาคารบางแห่งที่เดิมตั้งสิงโตโลหะตัวใหญ่
แล้วเปลี่ยนมา
เป็นช้างโลหะแทนในภายหลัง เพราะเหตุผลว่าสิงโตดุไล่ลูกค้า
หมด
ส่วนช้างเป็นสัตว์ใหญ่ใจดี รับแขก ซึ่งเป็นความเข้าใจ
ฮวงจุ้ยที่ผิดเพี้ยนไปจากหลักวิชามาก ที่จริงแล้ว
ทิศทางนั้น
พลังโชคลาภ และบารมี เป็นธาตุทอง แต่พลังบารมี ชอบสภาพ
นิ่งๆ
กลับมาเจอประตูซึ่งเคลื่อนไหว จึงควรตั้งวัตถุใหญ่ๆ
หนักข้างประตูมาเสริมธาตุทอง
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรูปอะไร
ความจริงก็ไม่สำคัญ! แต่พลังโชคลาภจะหมดปี พ.ศ.
2547
กลับมาเปลี่ยนเอาช้างโลหะมาตั้ง ช่วงที่พลังจะหมดยุคพอดี
จึงไม่มีประโยชน์อันใดจากการเสียสตางค์หลายล้านในครั้งนี้

10.ติดรูปภูเขาที่หลังที่ทำงานจะทำให้มีบารมีจริงหรือ

รูปภาพก็คือกระดาษแผ่นหนึ่งเท่านั้นเราจะพิมพ์หมึกสีอะไร
ใส่เข้าไปก็เหมือนเดิม
คนที่เข้าใจฮวงจุ้ยที่แท้จริงเอาจะอ่าน
เป็นแค่กระดาษกับเป็นสีของธาตุอะไร
ไม่ได้ดูความหมายเชิง
สัญลักษณ์ว่า
ภูเขาหมายถึงความมั่นคงหรือ รูปปั้นมังกร
คือ
ความสูงศักดิ์ ตั้งแล้วจะยิ่งใหญ่มั่งคั่งเวลาที่ซินแสมอง
มังกรตัวนั้น
ก็แค่พิจารณาว่าทำจากวัสดุอะไรหากหล่อจาก
ทองเหลืองก็ดูเป็นแค่ธาตุทองชนิดหนึ่ง
ไม่ต่างจากถัง
แสตนเลสหนึ่งใบ
แต่ถ้าติดรูปภูเขาแล้วทำให้ความรู้สึกของ
คุณดีขึ้นก็ติดต่อไปได้ครับ
นึกดูง่ายๆเหมือนกับถ้าเรา
ติดรูปดอกไม้แล้วจะมีผึ้งหรือผีเสื้อสักตัวเข้ามาตอมหรือไม่


ถ้าสนใจจะอ่านมากกว่านี้ี้ี้ติดตามได้ในหนังสือฮวงจุ้ยชั้นสูง
เชิงวิทยาศาสตร์เล่ม
1เขียนโดยอ.มาศซึ่งอธิบายหลักการของ
ฮวงจุ้ยในมุมใหม่ที่เป็นวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริงในแบบที่
ี่ไม่เคยมีมาก่อนในหนังสือทุกเล่มในท้องตลาด
- ไม่มีวางจำหน่ายภายนอก

กดข้างล่างนี้เพื่อไปดูรายละเอียดของหนังสือทั้งหมดที่เขียนโดย อ.มาศ

หนังสือของ อ.มาศ

ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก สถาบันค้นคว้าวิชาการฮวงจุ้ยแห่งประเทศ ไทยwww.100fs.com