วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2551

สาสน์จากท่าน Dali Lama ที่ได้กล่าวไว้สำหรับปี 2008

คุณใช้เวลาในการอ่านและคิดตาม เพียง 2-3 นาทีเท่านั้นโปรดอย่าเก็บคำสอนนี้ไว้คนเดียว มิเช่นนั้นมนตราที่ส่งมานี้จะจากคุณไปภายใน 96 ชั่วโมงแล้ว… คุณจะได้พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่คุณจะยินดีมาก

ข้อแนะนำในการดำเนินชีวิต

  1. ระลึกเสมอว่า การจะได้พบความรักและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ต้องประสบกับความเสี่ยงอัน มหาศาลดุจกัน
  2. เมื่อคุณแพ้ อย่าลืมเก็บไว้เป็นบทเรียน
  3. จงปฏิบัติตาม 3Rs
    3.1 เคารพตนเอง (Respect for self)
    3.2 เคารพผู้อื่น (Respect for others)
    3.3 รับผิดชอบต่อการกระทำของตน (Responsibility for all your actions)
  4. จงจำไว้ว่า การที่ไม่ทำตามใจปรารถนาของตนบางครั้งก็ให้โชคอย่างน่ามหัศจรรย์
  5. จงเรียนรู้กฎ เพื่อจะทราบวิธีการฝ่าฝืนอย่างเหมาะสม
  6. จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย มาทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ
  7. เมื่อคุณรู้ว่าทำผิด จงอย่ารอช้าที่จะแก้ไข
  8. จงใช้เวลาในการอยู่ลำพังผู้เดียวในแต่ละวัน
  9. จงอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลง แต่อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณหลุดลอยจากไป
  10. จงระลึกไว้ว่า บางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด
  11. จงดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อที่ว่าเมื่อคุณสูงวัยขึ้นและคิดหวนกลับมาคุณจะสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง
  12. บรรยากาศอันอบอุ่นในครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต
  13. เมื่อเกิดขัดใจกับคนที่คุณรัก ให้หยุดไว้แค่เรื่องปัจจุบัน อย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต
  14. จงแบ่งปันความรู้ เพื่อเป็นหนทางก้าวสู่ความเป็นอมตะ
  15. จงสุภาพกับโลกใบนี้
  16. จงหาโอกาสท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณไม่เคยไป อย่างน้อยก็ปีละครั้ง
  17. จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด คือความรักมิใช่ความใคร่
  18. จงตัดสินความสำเร็จของตนด้วยสิ่งที่ต้องเสียสละ
  19. จงเข้าใกล้ความรักด้วยการปล่อยวาง


ขอให้โชคดีทุกท่าน และโปรดอย่าลืมส่งต่อ ๆ ไปด้วยน่ะคะ

วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2551

Where are you now? From a camel story...









" บ้านเบิร์ด" ที่เชียงฮายจากทาง "อากาศ"_และข้อคิดดีๆ




(บางส่วนของข่าว)

'เบิร์ด' ยึดแนวพระราชดำริ'ทำดินให้เป็นทอง'

อุดมสุข...สวนเกษตร 'เบิร์ด' ธงไชยยึดแนวพระราชดำริ 'ทำดินให้เป็นทอง'

หว่านวันแม่ เก็บเกี่ยววันพ่อ...!!!

...ท่ามกลางพื้นหมอก ที่หนาวจัดกลางทุ่งนา ในอุณหภูมิ 8 องศาเซลเซียส ณ บ้านไร่อุดมสุข ท้องทุ่งบ้านป่าจั่น หมู่ 7 ตำบลเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งพากันเอามื้อ (ลงแขก) เกี่ยวข้าว

ต้นข้าวที่อุดมสมบูรณ์ บนผืนนา 17 ไร่ ส่งประกายสีทองเหยียดยาวรอคมเคียว สังเกตง่ายจากเมล็ดที่เต่งตึง รวงโน้มโค้งลงเสมือนกับคนพนมมือยกขึ้นไหว้ ในพื้นที่ส่วนหนึ่งจาก 100 กว่าไร่ของ สวนอุดมสุขที่จำแนกการปลูกพืชไว้หลากหลายชนิด

...ผู้ที่นำและเป็นเจ้าของนาผืนนี้คือ นายธงไชย แมคอินไตย์ หรือที่คนไทยทั้งประเทศ (และใกล้เคียง) รู้จักเขาในนาม 'เบิร์ด' ดาราระดับ Super Star ที่โด่งดังทั้งการเป็นนักร้องและนักแสดง

นาของเรา ข้าวของเรา... เป็นคำพูดที่ย้ำออกมายังกับท่องจำ พร้อมๆกับ ดึงด้ามเคียว ตัดต้นข้าวกำแล้วกำเล่า อย่างมันเขี้ยว ทำอย่างนี้อยู่เป็นนาน จนกระทั่งร่างกาย สลายความเหน็บหนาวไป เจ้าของนาจึงค่อยๆ ถอดเสื้อกันหนาวออก ทีละตัวๆ จนเหลือ แค่เสื้อแขนยาวเพียงตัวเดียว

'...ในอดีตครอบครัวผมยากจนมาก คุณแม่ (นางอุดม แมคอินไตย์) ต้องไปเป็นหนี้ข้าวมาเลี้ยงลูกๆ คือพวกผม 7 ชีวิตพี่ๆน้องๆ ตอนนี้พอมีเงินบ้าง (มากๆด้วย) ผมก็เลยพาครอบครัว มาปลูกข้าวกินเอง ผืนที่ดินแห่งนี้ คุณแม่ผมรักมันมาก...' เป็นคำบอกเล่าของ 'เบิร์ด' ในช่วงพักเหนื่อย แล้วก็บอกต่ออีกว่า...

ผมเรียนรู้จากชาวบ้าน ในการทำนาปลูกข้าว จากนั้นก็ปลูกพืชผักอื่นๆ ปลูกบ้านและขุดบ่อน้ำ (เลี้ยง ปลา แต่ห้ามจับขึ้นมากินมาขาย) แล้วมาเห็น หนังสือเล่มหนึ่งเป็น ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเกษตรตามแนวพระราชดำริ มีการวาดภาพพื้นที่ที่อยู่อาศัย ขุดบ่อน้ำ ปลูกข้าว ปลูกพืช เป็นการเกษตรพอกินพออยู่ ซึ่งมันตรงกับที่เราทำอยู่ จึงรู้ว่า...'เบิร์ด' เอ๊ย เจ้าเดินมาถูกทางแล้ว พร้อมกับที่ผมมีความคิดว่า เรามีใจ มีสมอง มีปัญญาที่จะมาช่วยพัฒนาตรงนี้ได้

ตอนแรกๆที่ผมเข้ามา หมู่บ้านป่าจั่น เมื่อ 4-5 ปีก่อนนั้น พอสัมผัสกับชาวบ้าน ทำให้เกิดความรู้สึกว่าพวกเขาบริสุทธิ์มากๆและ ได้รู้ว่าการเป็นเกษตรกรร่ำรวยความสุข มีครอบครัวที่อยู่เย็นเป็นสุข นอกนั้นไม่มีอะไรเลย จะมีเงินก็มาจากการกู้ยืมอันเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่พวกเขาจักต้องรักษาไว้ คือ ต้องรักษา 'หนี้' โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะใช้หมด... ชาตินี้หรือว่าชาติไหน...!!!

...เพราะเงินมันเป็นอนาคตที่มองไม่เห็น กว่าจะได้มาสุดแสนจะยากลำบาก

ช่วงนั้น หนุ่มๆ-สาวๆอพยพไปทำงานในภาคอุตสาหกรรมที่อื่นหมด คงยังเหลือแต่คนแก่กับเด็กๆเฝ้าบ้าน ผมจึงเข้าไปลุยในหมู่บ้าน บอกกับชาวบ้านว่า...เจ้านายทอดพระเนตรดูเราอยู่นะ ต้องตั้งใจทำงาน อย่าหนีไปไหน ที่นี่เป็นขุมเงินขุมทอง ของพวกเรา ที่ดินเป็นที่ทำกินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อย่าปล่อยรกและอย่าขายทิ้ง

ผม กับ พี่ชาย (ปื๊ด-เกรียงไกร แมคอินไตย์) ทำการเกษตร เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่ชาวบ้าน เมื่อหมดฤดูนา ก็มีการปลูกพืชอื่นๆ แล้ว ผมก็หาพริกพันธุ์ดีๆ มาแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน ได้ร่วมกันปลูก พอพริกเจริญงอกงามผลผลิตออกมา เขาก็จะนำมาส่งมาให้เรา เราก็จะหาตลาดและส่งขายให้เขา พอเขาได้เงินก็ดีใจมีแรงที่จะทำต่อ

พืชไร่เราก็ทำให้เป็นตัวอย่าง และก็แนะนำ ให้รื้อฟื้นแผ่นดิน ต้นลิ้นจี่ ลำไย เก่าๆแก่ๆ ที่ปล่อยให้รกร้าง จนต้นโทรมแทบจะยืนตายนึ่ง ก็มาตัดแต่งกิ่งทำสาวต้นใหม่ เมื่อผลผลิตออกมาชาวบ้าน อาจจะมึนตื้อไม่รู้จะนำไปขายที่ไหน... ผมก็สนับสนุน ให้มีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และสามารถยืดอายุการเก็บรักษาด้วยการ สร้างโรงอบแห้งขึ้นมาบริการแก่ชาวบ้าน พวกเขาก็พอใจ ที่ไม่ต้องขนลำไยสดไปที่อื่น ให้เสียค่าขนส่งโดยใช่เหตุ

เพื่อการพัฒนาในด้านการผลิต ผมแนะนำให้ชาวบ้านได้มีความรู้ในเรื่องดิน และ ได้ติดต่อนักวิชาการมาให้ความรู้ในเรื่องการตรวจสภาพดินว่ามี ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส กำมะถันเท่าไหร่ พืชที่จะปลูกต้องการธาตุอาหารอะไรเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม ให้รู้จักทำปุ๋ย คิดสูตรปุ๋ย ปลูกพืชตระกูลถั่วบำรุงดิน

เมื่อช่วยแก้ ปัญหาในเรื่องการผลิต แล้วที่สำคัญสุดคือเรื่องตลาด ทำอย่างไร จะหลุดพ้นจากการกดขี่ของพ่อค้าคนกลาง อย่างที่ตอนที่ฮือฮาใน สวนอุดมสุข คือ ทำ เห็ดหอม พอผลผลิตออกมาผมก็นำไปขายบ้าง จ่าย แจกไปบ้าง

ด้วยที่ว่าในส่วนที่จ่ายแจกไปนั้น อาจมีผลสะท้อนกลับ เมื่อเขารับประทานเห็ดของเราแล้วชอบ หากติดใจในรสชาติ คราวต่อไปเขาก็จะสั่งซื้อจากเรา...ทีนี้เราก็จะขายได้

การเพาะเลี้ยงเห็ดหอมนี้ อาจารย์ดีพร้อม ไชยวงศ์เกียรติ จะเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแล ลูกน้องเราก็ค่อยๆทำจนเกิดความชำนาญ อย่างในตอนแรกๆ เราก็เพาะเชื้อเห็ดเพียง 16,000 ถุง จะมีส่วนเสียหาย 2,000 ถุง ซึ่งถือว่ามันเสียหายมาก เราก็จะค้นหาสาเหตุว่ามันมาจากอะไร เมื่อรู้แล้วก็จะปรับปรุง อย่างการติดเชื้อ การต้มที่ความร้อนไม่สม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความเสียหายที่น้อยลง

เมื่อเราเกิดความชำนาญแล้วต่อไปก็เป็น การลดต้นทุนการผลิต อย่างวัตถุดิบในการผลิตคือขี้เลื่อยไม้ยางพาราที่ต้องสั่งซื้อกันที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีราคาแพงมาก คันรถละ 17,000 บาท คาดว่าจะต้องเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันเป็นคันละ 20,000 บาท

ขี้เลื่อยรถบรรทุกคันหนึ่ง ก็ใช้เป็นเชื้อเพาะเห็ดหอมได้ 1 โรงเรือน ไหนจะค่าสารเคมี ค่าดำเนินการจัดการอีก อันเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตทั้งนั้น ก็อยากจะให้ชาวบ้านได้มีความคิด ที่จะใช้วัสดุในท้องถิ่นมาทดแทน ...ซึ่งเราเองก็พอมองหามาได้ แต่อยากจะให้ชาวบ้านเขาได้คิด และ ตัดสินใจกันเองบ้าง ไม่ใช่เป็นผู้ตามแต่อย่างเดียว

สวนอุดมสุข ของเรานี้ได้ทำการเกษตรผสมผสานอย่างจริงจัง และ พยายามที่จะให้เป็นแบบอย่าง แก่ชาวบ้านได้ยึดถือนำไปปฏิบัติด้วยใจ สมอง และ ภูมิปัญญาในการพัฒนาพื้นที่ทำกิน ให้สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองและครอบครัวให้อยู่รอดด้วยเศรษฐกิจพอเพียง

โดย ดำเนินตามแนวพระราชดำริ ซึ่งเกษตรกรต้อง ทำให้จริง อยู่ให้เป็น พอมีพอกิน เพราะงานเกษตรกรรมจะสำเร็จได้ต้องใช้เวลา และเกษตรกรต้องมีความ อุตสาหะ รักจริงแล้วก็จะทำได้

เพราะดินเป็นดินของเรา เมื่อทำให้ดินมีหญ้าขึ้นได้ (ดินก็เกิดความอุดมสมบูรณ์) ก็ถือว่าการเกษตรประสบความสำเร็จ

จากนั้น จง...ทำดินให้เป็นทอง ทำหญ้าให้เป็นแบงก์ และก็ทำได้ไม่ยากนัก...แน่นอนที่สุดอยู่ที่ตัวเราเอง...!!!

Face the reality. Please read till the end...

Just want to share another good & worth to read article. Please take a moment and read carefully and you will know yourself much better and YOU will realize that you can be part of the growth and success in all aspects of your life.

One day all the employees reached the office and they saw a big advice on the door on which it was written:

'Yesterday the person who has been hindering your growth in this company passed away.
We invite you to join the funeral in the room that has been prepared in the gym'.

In the beginning, they all got sad for the death of one of their colleagues, but after a while they started getting curious to know who was that man who hindered (อุปสรรค) the growth of his colleagues and the company itself.

The excitement in the gym was such that security agents were ordered to control the crowd within the room.

The more people reached the coffin, the more the excitement heated up.

Everyone thought: 'Who is this guy who was hindering my progress?
Well, at least he died!'.

One by one the thrilled employees got closer to the coffin, and when they looked inside it they suddenly became speechless. They stood nearby the coffin, shocked and in silence, as if someone had touched the deepest part of their soul.

There was a mirror inside the coffin: everyone who looked inside it could see himself.

There was also a sign next to the mirror that said:

'There is only one person who is capable to set limits to your growth: it is YOU.

You are the only person who can revolutionize your life. You are the only person who can influence your happiness, your realization and your success.

You are the only person who can help yourself.

Your life does not change when your boss changes, when your friends change, when your parents change, when your partner changes, when your company changes. Your life changes when YOU change, when you go beyond your limiting beliefs, when you realise that you are the only one responsible for your life.

'The most important relationship you can have, is the one you have with yourself'

Examine yourself, watch yourself. Don't be afraid of difficulties, impossibilities and losses: be a winner, build yourself and your reality.

The world is like a mirror: it gives back to anyone the reflection of the thoughts in which one has strongly believed.

The world and your reality are like mirrors laying in a coffin, which show to any individual the death of his divine capability to imagine and create his happiness and his success.

It's the way YOU face Life that makes the difference

10 Roses just for you who visit this blog.












วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2551

Alive