วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
สิ่งธรรมดาคือสิ่งพิเศษ บทความของ วนิษา เรซ (คุณหนูดี)
********************
สิ่งธรรมดาคือสิ่งพิเศษ
เรื่อง วนิษา เรซ
คัดลอกจาก Post Today
บางครั้งในชีวิตประจำวัน เรารู้สึกว่ามีหน้าที่หลายอย่างที่เรา “ต้อง” ทำ ทั้งๆ ที่ขี้เกียจแสนขี้เกียจ หรือเหนื่อยแสนเหนื่อยแล้วจากการทำงาน เช่น การล้างจาน การท่องหนังสือ การจดจ่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์
แถมพ่อแม่หลายท่านในปัจจุบันนอกจากทำงานเหนื่อยแล้วยังต้องมานั่งรับส่งลูกเรียน พิเศษเสาร์อาทิตย์อีก...เวลานั่งรอบางครั้งก็เหนื่อยจนลืมชื่นใจความเก่งความน่ารักของลูก
สิ่งของเหล่านี้ดูธรรมดาและดูเหมือนเป็น “หน้าที่” ที่เราต้องกระทำ ทั้งๆ ที่บางครั้งทำให้เราหงุดหงิดพอควรเลย...ตัวหนูดีเป็นคนเกลียดการล้างจานมาก เพราะไม่ชอบความเหนอะของคราบอาหารและความสากมือหลังจากล้างจานเสร็จ ถึงขนาดมีกฎประจำใจเลยว่าผู้ชายคนไหนจะมาขอหนูดีแต่งงาน หนูดีจะให้ล้างจานให้ดูก่อน...แถมอาจมีการเซ็นสัญญากันว่า หนูดียินดีทำอาหารทุกชนิดแต่ฝ่ายชายต้องรับอาสาเป็นผู้ล้างจาน...จนกระทั่งวันหนึ่งหนูดีได้ไปปฏิบัติธรรมในวิถีเซน การไปอยู่วัดครั้งนั้น ทุกคนต้องล้างจานเอง...พระสอนว่า เวลาล้างจานเราต้องการอะไรจากการล้างจาน...คำตอบของพวกหนูดี คือ เราต้องการให้จานสะอาด (แหม ถามอะไรตอบง่ายอย่างนี้ ก็มันชัดเจนอยู่แล้วใช่ไหมคะ)...แต่ท่านบอกว่า ตอบผิดค่ะ ...อ้าว ถ้าไม่อยากให้จานสะอาดแล้วจะล้างไปทำไมคะ หนูดีงงมาก...ท่านตอบว่า จากนี้ไป ขอให้ล้างจานเพื่อล้างจานได้ไหม...
ทำไมต้อง “ล้างจานเพื่อล้างจาน” กว่าหนูดีจะเข้าใจและทำได้ก็ผ่านไปจากนั้นนานแสนนาน และทุกวันนี้หนูดีก็ยังฝึกเป็นประจำ...เคล็ดอยู่ตรงนี้เองค่ะ หากเราล้างจานเพื่อต้องการให้จานสะอาด ก็เหมือนกับเราโยนทิ้งปัจจุบันแล้วรอให้ความสุขเกิดขึ้นในอนาคต แต่ปัจจุบันคือความทุกข์ที่ต้องอยู่กับจานสกปรก เราจะมีความสุขก็ต่อเมื่อจานสะอาดแล้วเท่านั้น ...สรุปว่าใช้ชีวิตแค่กับเป้าหมาย รอให้เป้าหมายเป็นผลแล้วค่อยยอมปล่อยใจให้เป็นสุข แต่หากเราเปลี่ยนมาเป็นทำใจให้สุขในขณะล้างจาน จิตจดจ่ออยู่กับน้ำ ฟองน้ำและจาน...เป็นสุขอยู่ตรงนั้น ซึ่งหลังจากครั้งแรก พระท่านก็สอนที่สูงขึ้นไปอีกว่า จินตนาการดูสิว่าจานเป็นพระพุทธรูปและเรากำลังชำระล้างท่านให้สะอาดอยู่...น่ารักมากเลยค่ะ ไม่เห็นต้องรอวันสงกรานต์แล้วค่อยสรงน้ำพระ ถ้าคิดอย่างนี้ได้ ความสุขเล็กๆ ก็เกิดขึ้นได้ตลอดวัน
ในการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและมีความสุข...หนูดีคิดว่า เราต้องแยกให้ออกระหว่างวิถีและเป้าหมายก่อน ...คนส่วนใหญ่มักเอาความสุขไปผูกไว้กับ “เป้าหมาย” แต่หลงลืมว่า เวลาเกือบทั้งหมดในชีวิตอยู่ที่ “วิถี” ในการไปถึงเป้าหมายนั้น เหมือนเมื่อก่อนหนูดีตั้งเป้าไว้ว่า จะเรียนให้ได้คะแนนดีๆ ให้ได้เกียรตินิยม...และระหว่างภาคเรียนจะต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหนหนูดีไม่มีหวั่นเพราะเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก...พอสอบเสร็จโล่งอกสบายใจ ได้เกรดดีๆ ก็ดีใจอยู่แผล็บเดียวเดี๋ยวก็เปิดเทอมอีกแล้ว...จะเป็นจะตายต่อไปอีกเทอม...พอมาดูจริงๆแล้วเรียนปริญญาตรีเราจะได้เห็นเกรดตัวเองหลักๆ ก็ 8 ครั้ง โอ้โห เวลา 4 ปี จะยอมให้ตัวเองมีความสุขใหญ่ๆ แค่ 8 ครั้ง ก็ดูเป็นชีวิตที่เศร้าสร้อยไปหน่อยนะคะ
ดังนั้น การกลับมาปรับ “วิถี” ให้เรามีสุขขึ้นในระหว่างทางกลับทำให้ดัชนีความสุขมวลรวมของชีวิตเราพุ่งสูงขึ้นอีกมาก เมื่อหารเฉลี่ยแล้วทั้งชีวิตเราน่าจะมีความสุขขึ้นอีกมากนะคะ ...เดี๋ยวนี้หนูดีเลยมีกฎในการใช้ชีวิตว่า “วิถีคือเป้าหมาย” พูดง่ายๆ ว่า การทำใจให้สุขเป็นประจำวัน มีสุขในวิถี นั่นแหละคือเป้าหมายของหนูดี ส่วนเป้าหมายใหญ่ๆ ภายนอกก็ยังมีอยู่ค่ะ ไม่ได้ทิ้งหายไปไหน หนูดียังคงวางแผนชีวิตและมีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่เช่นเดิม...อาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะเป้าหมายเหล่านั้นไม่ได้เป็นประโยชน์เฉพาะตัวหนูดีคนเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่ยังรวมคนอื่นๆ ในสังคมเข้ามาอีกด้วย และหนูดีไม่รอให้“เป้าหมายสำเร็จ” แล้วค่อยเป็นสุข...ไม่มีกฎอะไรกำหนดนี่คะว่าต้องรอ ก็เลยขอเป็นสุขเรื่อยๆ ดีกว่า
ท่าน ติช นัท ฮันท์ พูดเรื่องนี้ไว้ดีมาก...หนูดีเอามาเขียนเตือนใจตัวเองหน้าหนังสือ “ขอบคุณสรรพสิ่ง” ที่เขียนก่อนนอนเลยค่ะว่า “ปาฏิหาริย์ไม่ใช่การเดินบนน้ำ หรือบินอยู่บนอากาศ แต่ปาฏิหาริย์คือการเดินอยู่บนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว” หนูดีเห็นด้วยอย่างมาก เพราะชีวิตเราเต็มไปด้วยเรื่อง “ธรรมดา”เช่น ตื่นมาอาบน้ำ แปรงฟัน ขับรถไปทำงาน กินอาหารเที่ยงกับเพื่อนในที่เดิมๆ ตอนเย็นกลับมาก็เห็นหน้าภรรยาหรือสามีคนเดิมๆ ใส่ชุดธรรมดาๆ...หน้าตาเราหรือก็ธรรมดาๆ...ใช่ค่ะ เราส่วนใหญ่แล้วก็เป็นคนธรรมดาๆ มีชีวิตธรรมดาๆ กันทั้งนั้น แต่ถ้าความ “ธรรมดา” นี้หมดไปล่ะคะ เช่น อยู่ดีๆ ลูกเราเกิดเป็นมะเร็งเม็ดเลือด
ขาว หรือสามีเราถูกรถชนตาย หรือเราถูกไล่ออกจากงานที่เราเบื่อแสนเบื่อ...เรื่องก็จะ “ไม่ธรรมดา” ไปในทันที และในเวลานั้นเอง เราจะหวนมาคิดเสียดายความ “ธรรมดา” จนใจแทบจะขาด...หนูดีไม่ได้พูดเองเออเองนะคะ
แต่เพราะหนูดีอยู่ในอาชีพที่ได้เห็นความพลัดพรากสูญเสียในครอบครัวมาเยอะมาก จนเกิดเป็นกฎประจำใจเลยว่า ให้เรารีบชื่นชมกับความ “ธรรมดา” ที่เรามีและใช้ชีวิตประหนึ่งว่า สิ่งนั้นคือสิ่งมหัศจรรย์ของจักรวาล เพราะสิ่งธรรมดาๆ แท้จริงแล้วคือ สิ่งที่พิเศษที่สุดแล้วค่ะ วันนี้ หนูดีขอชวนแฟนๆ คอลัมน์ลองมองหาสิ่งธรรมดาๆ สักสองสามสิ่งที่เรามองข้ามไปแล้วลองคิดขอบคุณเขาไหมคะ เช่น วันนี้เราไม่ปวดฟันเลย ขอบคุณฟันที่อยู่อย่างปกติหรือวันนี้ลูกของเรายังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า เรามีความสุขจัง หรือแม้แต่วันนี้รถของเรายังไม่ถูกชน โชคดีจังเลย...เรื่องสุดท้ายนี่หนูดีคิดเป็นประจำเลยค่ะ เพราะในโลกนี้ หนูดีเป็นหนึ่งในคนที่รถชอบโดนชนประจำขนาดขับช้าเหมือนเต่าคลาน ดังนั้น หากวันไหนรถหนูดีอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แค่ได้มองเห็น ก็เป็นสุขแล้วค่ะ ...สุขสันต์วันธรรมดาๆ อีกวันหนึ่งนะคะ ขอให้ทำงานอย่างเป็นสุขค่ะ
วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
มนต์เสน่ห์แห่งเพชร
ประกายระยิบระยับของเพชรดึงดูดความสนใจของมนุษย์มานานทุกยุคทุกสมัย ด้วยความงามอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นความหามนต์เสน่ห์และความลี้ลับ, หรูหรา, ความรัก และความงามโดดเด่น จึงทำให้เพชรถูกขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งอัญมณี
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเพชร
กว่าล้านปีก่อนจะก่อกำเนิดเกิดมา ค้นหาความอมตะของเพชร |
ขอต้อนรับสู่ศูนย์ข่าวสารเพชร ณ ที่นี่ คุณสามารถค้นหาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ ความงามอันบริสุทธิ์ที่ก่อกำเนิดจากธรรมชาติ...เพชร |
อัญมณีอันสวยงามที่บ่งบอกถึงความรักอันยิ่งใหญ่ |
การค้นหาและเลือกซื้อเพชรในฝันเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและประทับใจ เพราะเพชรคือสุดยอดอัญมณีอันทรงคุณค่า ที่ก่อกำเนิดจากความงามอันบริสุทธิ์ของธรรมชาติ
ดังนั้นการเริ่มต้นด้วยการศึกษาและเข้าใจคุณลักษณะสำคัญทั้งสี่ของเพชรจึงเป็นสิ่งสำคัญ
หลักการ 4C’s ของเพชร
ทำความเข้าใจเรื่องราคา
หลักพื้นฐานของคุณสมบัติสี่ประการของเพชร
ความเข้าใจผิดเรื่องฮวงจุ้ย
สารพัดความเชื่อที่ไม่ถูกต้องที่ปะปนอยู่ในวิชาฮวงจุ้ย |
หลังจากที่อาจารย์มาศได้หันมาทุ่มเทศึกษาวิชาฮวงจุ้ยอย่างเอาจริงเอาจังกว่า26ปี หากนำหน้าเสือมาติดจะช่วยไล่วิญญาณร้ายได้ก็ไม่ก็ใช้ภาพโป็ยข่วยมาติดแทน หากทิศนั้นชอบกระแสเคลื่อนไหวของพลังงานการพบทางสามแพร่งพุ่ง แต่ถ้าเจอเจ้าของบ้านเป็นคนจีนรุ่นเก่าที่เชื่ออย่างฝังหัวผมก็จะแนะนำให้ คนจีนจึงได้คิดปั้นรูปท่านทั้ง3ข้ึ้นมาเพื่อใช้เป็นตัวแทนความสำเร็จในชีวิต ไม่ใช่มัวแต่บ้างานหรือหาเงินอย่างเดียวเท่านั้นคือเรียกว่ามีทั้งฮกลกซิ่วนั่นเอง เพราะฮวงจุ้ยเป็นเรื่องวิชาการบริหารพลังธรรมชาติให้มาเสริมพลัง ไม่ใช่ต้องระยะเท่านั้นจึงจะดีหรือคุณคงเคยเห็นโต๊ะเก้าอี้ที่ออกแบบ 9.การตั้งสิงโตหินหรือสำริดจะช่วยแก้ฮวงจุ้ยได้อย่างไร
|
วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
เที่ยววัดเก่าอยุธยา
ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่าวัดนี้สร้างขึ้นเมื่อใด แต่นักวิชาการสันนิษฐานว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นในยุคก่อนการตั้งกรุงศรีอยุธยาหรือสมัยอโยธยา บ้างก็ว่าสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จเจ้าสามพระยาแห่งกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ.๑๖๙๗ -๑๙๙๑) มีการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ (พ.ศ. ๒๒๕๒-๒๒๗๕) กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ เมื่อวันที่ ๑๑ ม.ค. ๒๔๘๔ และได้รับการขุดแต่งเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑
โบสถ์ของวัดมเหยงคณ์ถือได้ว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในอยุธยา ตั้งอยู่บนฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่โค้งคล้ายตกท้องช้างอันเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย ทางด้านหน้าและด้านหลังของโบสถ์มีฐานสูงยื่นออกมา นักโบราณคดีได้สันนิษฐานว่าฐานทั้งหมดน่าจะเป็นการต่อเติมบนฐานรากเดิมในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ภายในโบสถ์มีฐานชุกชีประดิษฐานบางส่วนของพระพุทธรูปหินทรายโบราณ ส่วนของหลังคาโบสถ์นั้นได้หักพังลงมาหมดแล้ว
จี๊ดพาคุณแม่มาเที่ยวอยุธยาบ่ายแก่ ๆ แล้ว รูปนี้ถ่ายในอุโบสถของวัดฯ ซึ่งหลังคาน่าจะสร้างด้วยไม้แต่ได้ถูกเผาไปจนเหลือแต่เสา พระประธานถูกทำลายเหลือแต่ฐานฯ ดูขนาดแล้วน่าจะเป็นอุโบสถที่ใหญ่ทีเดียว
ส่วนรูปด้านล่างแสดงให้เห็นความโหดร้ายของทหารพม่า ไม่ใช่มาทำสงครามกับกรุงศรีอยุธยาเท่านั้น แต่ได้ทำลายและปล้นสะดมนำทรัพย์สินและของมีค่าขนกลับไปด้วย นี่คือหลักฐานชิ้นหนึ่งในหลายชิ้น จะเห็นได้ว่าก้อนหินที่อยู่หลังจี๊ดและแม่คือยอดปลายสุดของเจดีย์ในวัดมเหยงคณ์ที่ถูกทหารพม่าสุมไฟเผ่าจดยอดหักตกลงมาที่พื้น และน่าจะนำทองคำที่ปลายยอดของเจดีย์นี้ไป ไม่ใช่เจดีย์วัดนี้เท่านั้น ในวัดกุฎีดาวซึ่งอยู่ฝี่งตรงข้ามก็มีลักษณะยอดหักกลางลงมากองอยู่กับพื้นเหมือนกัน
การเดินทาง มาวัดมเหยงคณ์ หากมาจากถนนสายเอเชีย เมื่อเลี้ยวเข้าตัวเมืองอยุธยาไปตาม ถนนโรจนะ จะพบสี่แยกวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม ให้เลี้ยวขวาไปตามถนนสาย ๓๐๕๘ ราว ๑ กม. เลยปางช้างอโยธยาไปเล็กน้อยจะเห็นป้ายบอกทางเข้าวัดมเหยงคณ์อยู่ทางขวามือเยื้องกับวัดสมณโกฏฐาราม และวัดกุฎีดาว
แล้วเพื่อน ๆ ละคะ เคยไปเที่ยวอยุธยา ไปเที่ยววัดไหนกันบ้าง